ที่จริงไม่ได้ไม่ชอบหนังไทย แต่เราอาจจะเข็ดกับคุณภาพของบางค่ายหนังที่ทําหนังแบบสุกเอาเผากินเท่านั้นและเรื่อง ปัญญาเรณู คืออีกหนึ่งเรื่องที่ไม่คิดจะไปดูแต่มีเหตุผลบางประการ จึงทําให้เข้าไปดู โดยที่ไม่รู้เรื่องราวหรืออะไรมาก่อน
หลังจากดูหนังจบ ความรู้สึกระหว่างก่อนเช้าชมกับหลังเข้าชมมันต่างกันโดยสิ้นเชิง พอมองไปรอบๆ บางคนร้องไห้ บางคนยิ้มออกมาจากโรงหนัง ซึ่งภาพเหล่านี้นานๆ ทีจะปรากฏให้เห็นตามโรงภาพยนตร์
ปัญญาเรณู เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กในหมู่บ้านชนบท ที่มีความรักและความหวังที่จะชนะการแข่งโปงลาง แต่ไม่มีทุน อีกทั้งยังมีกลุ่มนักเรียนจากเมืองกรุงเข้ามาทําให้เกิดเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้น
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก แต่มากด้วยความบริสุทธิ์ของเด็กๆ ที่แสดงในเรื่อง ที่สามารถทําให้เชื่อได้เลยว่ามาจากชนบทแท้ๆ ต้องขอบคุณฝ่ายคัดเลือกนักแสดงที่สามารถหาตัวแสดงได้ดีและเยี่ยมแบบนี้
อย่างที่บอกตัวหนังเป็นเรื่องราวของชนบทชาวอีสาน จึงมีความเป็นอีสานอยู่แน่นเอี้ยดทั้งวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งความเชื่อของคนต่างจังหวัดก็ยังมีให้เห็น แต่ทั้งหมดนี้ก็สอดแทรกด้วยความน่ารักของเด็กและเหล่าตัวละครผู้ใหญ่ ดูแล้วไม่น่าเบื่อ
ผลงานเรื่องนี้เป็นการกํากับของ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ หลังจากเรื่องที่แล้วอย่าง ช้างเพื่อนแก้ว ดันล้มไม่เป็นท่า แต่พอมาเรื่องนี้กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เสียอย่างเดียวหนังเรื่องนี้อาจจะดีจริง แต่ยังขาดความน่าเชื่อถือในฝีมือการกํากับหรืออาจจะการประชาสัมพันธ์น้อยไปนิด
ส่วนตัวผู้เขียนเองก็เป็นคนอีสานแต่มาเกิดในเมืองกรุง ทุกครั้งที่กลับต่างจังหวัด บรรยากาศแบบในหนังนั่นคือความเป็นจริงของภาคอีสานทุกวันนี้ ที่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาแต่ก็ไม่มีอะไรที่สามารถทําลายความเชื่อหรือความเป็นอยู่ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเขาได้
หนังเรื่อง ปัญญาเรณู จึงเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่ง ที่ถูกพูดถึงในวงกว้างถึงการที่ให้ความรู้สึกที่ดี ดูแล้วอิ่มใจ เหมือนกับคนซื้อลอตเตอรี่แล้วถูก ยังไงก็ช่วยกันอุดหนุนหนังไทยดีๆ แค่คนละ 1 รอบ ก็ทําให้ผู้กํากับยิ้มได้แล้วล่ะ ♦