"ต่าย" ให้กำลังใจ "จอห์น" ไม่ซ้ำคนล้ม ลั่นพร้อมรับงานเยอะขึ้น
ห่างหายไปนานเลยสำหรับสาว "ต่าย สายธาร นิยมการณ์" ที่พักหลังๆ ไม่ค่อยรับงานละครให้เห็น อย่างล่าสุดก็ออกมายอมรับคบกันกับหนุ่ม "จอห์น รัชตะ" ที่เคยมีประเด็นเรื่องเพลงลิขสิทธิ์ของ "จั๊ก ชวิน" มีโอกาสเจอสาว "ต่าย" เลยขออัพเดทถึงผลงานและเรื่องราวกรณีของแฟนหนุ่มว่าไปถึงไหน เจ้าตัวก็เผยว่า
อ่านข่าวต่อ :
"ต่าย สายธาร" แจงชัดเหตุเลิก "โอ๋ ไอศูรย์"
ห่างหายจากงานหนังไปนาน จริงๆ ภาพยนตร์รับเชิญล่าสุดคือ “400 นักรบขุนรองปลัดชู” ค่ะ แต่พอดีวันที่แกรนด์โอเพนนิงมันตรงกับวันที่มีเคสที่เด็กติดถ้ำหลวง ก็เสียหายเนอะช่วงนั้น แต่เราก็ต้องไปทำหน้าที่ก่อน
เหมือนหายหน้าหายตา เขาคิดว่าไม่ได้รับงาน แต่เราก็รับงานอยู่นะคะ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ และก็มีไปทำสินค้า และเป็นวิทยากรตามสถานที่ราชการต่างๆ ไม่ได้ออกสื่อ และหลายคนก็คิดว่าบทแม่คงไม่รับ รับนะคะ บทยายก็รับค่ะ แต่เมื่อปี 2 ปีที่ผ่านมามีละครเรื่อง “สาปดอกสร้อย” และมี “Princess Hours” ก็จะมีติดๆ กันเลย ก็เลยรู้สึกว่าเราแก่เกินไปที่จะรับอะไรหลายๆ เรื่องพร้อมกันแบบนี้หรือเปล่า เพราะรู้สึกว่าร่างกายเราไม่ค่อยไหว ช่วงนั้นมีแต่ละครผี และ “ต่าย” รับ 3 เรื่อง คือเงินก็อยากได้นะ แต่ “ต่าย” ก็อยากทำงานให้มีคุณภาพ ไม่ต้องไปป่วยในกองถ่ายให้เป็นภาระของกอง อยากทำงานให้เป็นมืออาชีพ
ลิมิตปีละหลายๆ เรื่องก็ได้ ก็ดูความเหมาะสมเรื่องบทและอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าลงตัวก็รับ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่คนที่ฟิกซ์กับเรื่องบทอะไรเท่าไร แต่บทที่ขอไว้เลยคือเซ็กซี่ เราก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความเหมาะสม โอเคว่านักแสดงเล่นได้ทุกบท แต่ด้วยตัว “ต่าย” เองที่เป็นกู้ชีพด้วย บางทีเราไปสอนเด็ก เราเข้าใจว่าการแสดงคือการแสดง แต่คนเราไม่ได้เข้าใจเหมือนเราทั้งหมด อะไรที่เลี่ยงได้ อะไรที่รับได้ก็รับ เพราะทุ่มให้กับมูลนิธิ คือจริงๆ แล้ว “ต่าย” ก็มีธุรกิจส่วนตัว อย่างตอนนี้ก็มีน้ำแร่ยี่ห้ออีส อาจจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ และก็มีงานเบื้องหลังที่ทำ แต่ก็ไม่ได้ออกสื่อ ไม่รู้จะออกอะไร เราก็อยากดูเด็กใหม่ๆ อยู่ในวงการบ้างดีกว่า
ถามถึงเรื่องคดีของ “จอห์น” กรณีเอาเพลงไปขาย อันนี้ไม่เกี่ยวค่ะ อันนั้นเป็นเรื่องของเขาที่เขาต้องเคลียร์ “ต่าย” ก็อยู่ในส่วนของตัวเองค่ะ ได้คุยกันนะคะ ก็มีให้กำลังใจ แต่ว่าเราโตแล้ว เราก็เคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจ ในการที่เขาจะต้องออกมาพิสูจน์หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นก็น่าจะต้องเป็นเรื่องของเขามากกว่า
เขาเครียดหรือกังวลไหม ต้องไปถามเขาค่ะ จริงๆ ถามว่าส่งผลกระทบกับ “ต่าย” ไหม ต่ายคิดว่าทุกคนน่าจะแยกแยะได้นะคะว่า “ต่าย” ทำงานอะไร “ต่าย” ทำอะไร ทุกวันนี้ทำอะไร ไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวหรืออะไรมาระบายหน้าเฟซบุ๊กเหมือนเด็กๆ บางทีก็มีบ้างอารมณ์ขอพื้นที่ตัวเองบ้าง แต่ส่วนมากไม่ค่อยมีหรอก ส่วนมากหน้าเฟซบุ๊กจะเป็นรายงานข่าว เรื่องของสังคม ส่วนหน้าเฟซบุ๊กของ “ต่าย” เองก็แล้วแต่อารมณ์ค่ะ แต่ก็พยายามที่จะเลี่ยงอะไรที่มันเป็นการปะทะ หรือเป็นคำหยาบ หรือไปแซะ กระแนะกระแหนใคร เวลาที่เราทำแล้วมันไม่ได้ดูว่าคนอื่นเขาดูไม่ดี แต่ตัวเรานี่แหละที่ดูแย่ เหมือนเวลาเราไปเล่าเรื่องใครให้คนอื่นฟังว่าคนนี้ไม่ดีนะ คนนั้นไม่ดีนะ เขาไม่ได้มองคนอื่นหรอก เขามองคนพูดนี่แหละ
อย่างทางกฎหมายจะต้องเข้าไปเคลียร์หรืออะไรไหม ไม่ใช่ทนายค่ะ ไม่ทราบเลย อันนี้ “ต่าย” คงพูดไม่ได้ ต้องขอจริงๆ เพราะว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย และตรงนี้ถ้า “ต่าย” พูดอะไรไปแล้วมันส่งผลเสีย ต้องขอบคุณที่เข้าใจนะคะ
ความสัมพันธ์แฮปปี้ดี ก็เรื่อยๆ ค่ะ เราโตแล้ว ถามว่าคาดหวังมันก็ไม่ได้คาดหวัง ก็เจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะ เรื่อยๆ ดีกว่า เป็นเพื่อนกันก็ได้ อะไรก็ได้ค่ะ แต่ว่าเวลาที่คนล้มหรืออะไรก็แล้วแต่ “ต่าย” ไม่เคยมีนิสัยที่จะไปซ้ำหรือข้ามใคร เขาจะออกมาพูดเองไหมอันนั้นต้องถามเขาค่ะ เพราะว่าบางที “ต่าย” เองเป็นคนสนิท บางครั้งก็ไม่ได้ถาม ถ้าเขาอยากจะเล่าก็ให้เขาเล่า เพราะว่าบางทีบางเรื่องก็ต้องใจเขาใจเรานะคะ ถ้าเขาอยากปรึกษาเขาก็คงจะมาพูดเอง ตอนทราบข่าวตกใจไหม ไม่ค่ะ มันเป็นเรื่องราวที่อาจจะเข้าใจผิด “ต่าย” ไม่ได้เข้าข้างใครทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะต้องพิสูจน์นะคะ ให้กระบวนการยุติธรรมเขาทำหน้าที่ของเขา และให้เวลาได้ทำหน้าที่ของเขาดีกว่า
เราให้กำลังใจเขาอย่างไรบ้าง ก็ให้ปกติ คือคนเราถ้าพูดความจริงจะพูดร้อยครั้ง พันครั้ง มันก็เหมือนเดิมค่ะ ถ้าเราพูดโกหกพูดกี่ครั้งมันก็ไม่เหมือนเดิม มันเป็นเรื่องธรรมดานะ ไม่ได้มาแอ๊บหรืออะไร กำลังใจก็ให้อยู่แล้วค่ะถ้าคนรอบข้างเราไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ อย่าง “ต่าย” มีลูกบุญธรรมก็สอนลูกอยู่แล้ว ถ้าเขาทำอะไรผิดหรืออะไรก็ไม่เข้าข้างอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าลูกฉันเป็นคนดี แฟนฉันเป็นคนดี ก็ไม่ใช่นิสัยเราอยู่แล้วค่ะ