สวนโพรงกระต่าย รังรักและสวนพอเพียง "ลีโอ พุฒ"
กำลังจะวิวาห์รอบ 2 ในวันที่ 17 พ.ย. นี้ สำหรับ "ลีโอ พุฒ" อดีตนักร้องวัยรุ่นที่ตอนนี้หันหลังไปทำงานพิธีกร และล่าสุดตัดสินใจไปทำสวนดอกไม้ และอนาคตก็จะทำสวนไร่นาแบบพอเพียง ที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ไม่น่าเชื่อ หนุ่มที่เคยเป็นนักร้องแกรมมี่ เปลี่ยนความคิดจากการทำงานโปรดักชั่น พิธีกร กำลังจะละทิ้งไมค์ ไปจับจอบ เสียม ดูแลดอกไม้ ในป่าโป่งแยง ถึงแม่ริมแล้วจริงๆ และนี่คือเรื่องราวเหลือเชื่อของเขา
สำหรับตอนนี้กำลังเริ่มทำสวนครับ เป็นสวนดอกไม้ ก็มีความพอเพียงนิดนึง แต่ไม่ใช่ในลักษณะของการกินใช้เองโดยที่ไม่ต้องใช้เงินแบบที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านสอนมา แต่เป็นการเกษตรที่เราเอาผลิตภัณฑ์ของเรามาขายเป็นหลัก ก็คือ ดอกไม้ที่ตัดดอกมาขายเป็นดอกไม้เมืองหนาว สวนนี้อยู่ที่เชียงใหม่ แถวแม่ริม
ตอนนี้ที่ทำก็ยังเพิ่งเริ่ม มีที่ประมาณ 3 ไร่ ที่มันมีอยู่เยอะครับ แต่ก็คงไม่มีปัญญาทำหมด เพราะว่าดอกไม้จริงๆ แล้วปลูกแค่ 3-5 ไร่ก็พอแล้ว ทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพาะจากเมล็ดเลยครับ ตอนนี้เพิ่งได้ต้นกล้าชุดแรกประมาณสัก 8,000 ต้น เป็นดอก Daisy Plants เป็น Galaxy เป็นอะไรแบบนี้ เป็นดอกไม้พันธ์ุหนาวหมด เพราะว่ามันเป็นที่อยู่บนภูเขา และในอนาคตก็ต้องดูอีกทีว่าสามารถทำเป็น Home Stay หรือเป็นที่พักเล็กๆ ได้จำนวนห้องไม่มาก สัก 3-5 ห้องก็อาจจะทำ
เรื่องไอเดียนี้มาจากเราชอบเชียงใหม่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ก็เหมือนกับที่ทุกๆ คนชอบเพราะอากาศดี แล้วผู้คนก็เหมือนจะช้าๆ สบายๆ แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะไม่รู้จะทำอะไร จนวันหนึ่งป้าผมซึ่งแกเคยทำดอกไม้มาก่อน แต่แกเลิก ผมก็เลยไปติดต่อขอซื้อที่จากแก แล้วก็ขอความอนุเคราะห์ให้แกช่วยสอนถ่ายทอดวิชาดอกไม้ให้ เพราะว่าตอนแรกทุกคนก็อยากทำแหละพี่ การเกษตรมันเหมือนสบายๆ แต่ถ้าเราไปทำโดยที่เราไม่มีกูรูเลยก็ยาก เพราะเกิดมาก็ไม่เคยจับจอบจับเสียม แต่ตอนนี้เราเริ่มต้นโดยที่เรามีครูด้วย มันก็เลยทำให้เราเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ตอนนี้ยังไม่มีลูกจ้างครับ แต่อนาคตต้องมี
ด้านการปรับตัวก็ยังปรับตัวอะไรได้ไม่มาก เพราะเพิ่งเริ่มได้แค่ 3-4 เดือนเอง ที่เริ่มตั้งแต่นับจากวันแรกที่เราไปเอาที่เลย และก็ดอกไม้มันยังเพิ่งจะเป็นต้นกล้า สูงประมาณไม่ถึงฟุต ดังนั้นมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะตัดดอกขาย หรือยังไม่เคยเจอโรคระบาดก็เลยยังไม่เจอปัญหา แต่ตอนนี้คนงานก็กำลังหาอยู่ครับ เพราะเมื่อถึงเวลามันก็ต้องมีแน่ๆ สวนนี้ชื่อว่า “รูกระต่าย” บางคนก็เรียก โพรงกระต่าย คือลักษณะของที่ดินทางเข้ามันเป็นลักษณะของทางลงจากถนนหลักลงไปในหุบ มันก็เลยเหมือนลงรูครับ ผมก็เลยเรียกว่ารูกระต่าย
ด้านการวางแผนทางการตลาดผมเองก็ยังไม่ได้คิดเลยครับ คือจริงๆ แล้วโชคดีอย่างหนึ่งที่ป้าเขาก็มีลูกค้าเก่าๆ ของเขาอยู่ เขาก็บอกว่าให้มันเป็นดอกซะก่อนค่อยไปเสนอเขาก็ได้ ตอนนี้ก็มีทั้งดอกไฮเดรนเยีย ดอกกาแล็คซี่ และดอก Daisy Plants 3 อย่างหลักๆ ครับ และก็คงจะเพิ่มในอนาคตแหละครับ เพียงแต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ทันขายก็เลยไม่สามารถตอบได้หมดว่าวงจรการตลาดหรือการทำดอกไม้มันเป็นอย่างไร เพราะว่าเรายังทำได้ไม่ครบ คือวันที่ตัดขายแล้วถึงจะเริ่มรู้ แต่เท่าที่ทราบ ปัญหาที่เราจะต้องเจอจะเป็นเรื่องของแมลงด้วย และดอกไม้จากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาถูกมาทั้งผลไม้และดอกไม้เลยนะครับ แต่เราก็เลือกได้นะที่จะเลี่ยง คือ เราก็ต้องไป Study ว่าเขาเอาพันธ์ุอะไรเข้ามา
ส่วนเรื่องโรงเรือน ตนว่าไม่จำเป็น เพราะว่าดอกไม้มันเป็นดอกไม้เมืองหนาว มันไม่ได้ชอบแสงเยอะ และบังเอิญว่าที่ผมเนี่ยมันค่อนข้างครึ้ม แดดไม่มากอยู่แล้ว ความชื้นสูง
ด้านการจัดการการเล่นละครและบินกลับขึ้นไป คือแฟนผมจะอยู่ที่นั่นเป็นหลักกับป้าครับ ลูกจะอยู่กรุงเทพฯ และผมก็จะบินขึ้นไปทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ ผมเองก็หวังนะครับว่ามันจะไปรอด เพราะว่าจริงๆ แล้วใจคิดอยากจะไปอยู่ที่นั่นจริงๆ จังๆ เลยด้วยซ้ำ ผมก็คิดหวังว่าวันนึงมันจะเวิร์ค
ส่วนเรื่องแฟน แฟนผมก็ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ แฟนผมเขาทำอาหาร ไม่มีใครมีความรู้ด้านเกษตรเลย เพียงแต่ว่าเราทำเราตั้งต้นไอเดียนี้ ก็ไม่ได้หวังว่ามันจะตูมตามอะไร แล้วก็มีรายได้กลับเข้ามาเท่าๆ กับที่เราทำงานที่กรุงเทพฯ หรือมากกว่าที่เราทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะว่าเงินบาทนึงของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่มันต่างกัน เพราะฉะนั้นหากมันได้สักครึ่งนึงของที่เราหาได้จากที่กรุงเทพฯ ผมว่าโอเคแล้วครับ มันก็อยู่ได้แล้วครับ เราก็ปรับการใช้ชีวิตของเราเอา
และการวางเป้าของพุฒเองก็คือ ให้หุบเขานี้มันเต็มไปด้วยดอกไม้ และอยากจะมีที่พักเล็กๆ สัก 5 ห้องเอาไว้รับแขกที่เข้าใจในความเป็นที่ของเรา คือสิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะมีให้ แต่คงไม่ใช่ระดับ 5 ดาวหรืออะไร สิ่งก่อสร้างยังไม่ได้ขึ้น อาจจะประมาณสักเดือนมกราคม มีประมาณ 5 ห้องพอแล้ว กลัวจะวุ่นวาย และดอกไม้จะเสียหาย