ที่ตอนนี้ต้องปากกัดตีนถีบ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง
"ตอนนี้หันมาทําธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าตัวเองค่ะชื่อ PRISII ถามว่าเหนื่อยมั้ยก็ต้องบอกเลยว่าเป็น 2 เท่า จากที่แต่ก่อนไม่ต้องทําอะไรเองเยอะขนาดนี้ พอเดี๋ยวนี้ลูกก็ต้องเลี้ยง ซึ่งถ้าถามง่ายมั้ย มันไม่ได้ง่ายแบบสมัยก่อนที่เป็นนักร้อง หาเงินแล้วมีหน้าตา มีรายได้ เพราะตอนนี้ต้องปากกัด ทํางานเพื่อตัวเองและลูกตลอด แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
ม่ายสาวยังสวยเผยถึงลูก 2 คน ที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของพ่อว่าตอนนี้ไม่ได้เจอกันแล้ว
"ก็แทบจะไม่ได้เจอแล้ว ถามถึงความรู้สึกและหัวอกคนเป็นแม่ก็คงต้องมีบ้าง แต่ ณ เวลานี้ คนโต ป.5 คนเล็ก ป.2 เขาทั้ง 2 คนก็รู้เรื่องและรับรู้อะไรได้แล้ว หากจะให้มาร้องขอสิทธิ์ หรือขึ้นศาลอีก นอกจากจะไม่ใช่เรื่องแล้ว ก็คงยังจะเป็นประเด็นของสังคมที่จะถามไถ่กันอีก เลยไม่ดีกว่า แต่ถ้ามีโอกาสที่จะติดต่อเข้าได้ดีที่สุดก็ไม่พ้นการส่งอีเมลโต้ตอบกัน"
นักร้องเจ้าของเพลงที่สร้างสถิติเอาไว้ให้โลกดนตรีจารึกยอมรับด้วยรอยยิ้มว่าชีวิตทุกวันนี้ต้องสู้มากกว่าเดิม "ตอนนี้ยอมรับตรงจุดนั้นแรกๆ ถามว่า รับได้มั้ย ไม่เลย แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้วไง ว่าตัวเองจะต้องทําชีวิตให้เป็นปกติสุขมากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนี้ตัวปุ๊กกี้เองก็เคยติดลบมาก่อน จากศูนย์แล้วนับหนึ่งถึงร้อย ตอนนี้เริ่มดีขึ้นก็เลยไม่ต้องมานั่งกังวลอะไร เพราะมองย้อนกลับไปในสังคมยังมีคนที่ลําบากกว่าเราอีกเยอะ"
ผู้สื่อข่าวดาราเดลี่ซักถามเรื่องของการหวนคืนวงการบันเทิงว่าปิดกั้นตัวเองหรือไม่ เนื่องเพราะมองปัจจุบันเธอได้หันเหไปทําธุรกิจเต็มตัวแล้ว ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า
"ยังสนใจอยู่นะคะ อย่างแต่ก่อนปุ๊กกี้จะอยู่แต่สายเพลง พอตอนนี้จะมีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักให้ลองไปแคสติ้งหนัง, ละครดูก็ทําได้หมดนะ หรือใครที่ยังทําอีเว้นท์อยู่บ้าง ก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ เลยทําให้ชีวิตกลับมาดีกว่าเดิมอยู่บ้าง"
สุดท้ายเมื่อถูกถามว่าคิดถึงงานเพลงหรือเปล่าม่ายทรงเสน่ห์บอกว่า "ก็ยังสนใจนะคะ ถ้ายังมีโอกาสอยู่ก็ยินดี ตอบรับเสมอ เพียงแต่ว่าตอนนี้โอกาสยังคงไม่มีมาถึง คิดว่าสักวันคงต้องมีมาบ้าง" ♦