“ตั๊ก มยุรา” เผยวินัย 40 ปี ชาติหน้าขอไม่เกิดเพราะชีวิตผู้หญิงมันเหนื่อยเกินไป!
รายการ “Glow On podcast with Grace” สัปดาห์นี้พามาเจาะลึกถึงแนวทางการดูแลตนเองอย่างเข้มงวดของสาวสองพันปีอย่าง “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” ที่เน้นย้ำถึงการมีวินัยที่สม่ำเสมอ ทั้งในด้านอาหาร การออกกำลังกาย การนอนหลับ และการบำรุงผิวพรรณ อายุเกือบ 70 แต่ยังหุ่นเป๊ะ รักษาน้ำหนัก 45 มา 40 ปี เจอผมขาวแค่ 4 เส้น เผยถ้าชาติหน้ามีจริงขอไม่เกิดหรือเกิดเป็นผู้ชายเพราะมันเป็นภาระ! ตอนนี้เดินสายกลางในการออกกำลังกาย รักษาสุขภาพทั้งกายและใจให้สดใสอยู่เสมอ แชร์เคล็ดลับสวยอมตะที่ใครก็ทำตามได้ อยากสวยอมตะต้องดู
ตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจนวันนี้พี่ตั๊กเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ?
ตั๊ก มยุรา : ต้องทำเยอะนะ ต้องดูแลหลายเรื่อง การกิน การนอน ถามพี่ถ้าให้เกิดชาติหน้าไม่เกิดแล้วนะ หรือให้เกิดเป็นผู้ชาย เหนื่อยจริง ๆ อันนี้เคยพูดเลย เคยพูดกับสามีบอกว่า โอ๊ย ทำไมมันยุ่งยังงี้ ผู้หญิงมันยุ่งนะ ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผม ไหนจะต้องข้างใน ไหนจะต้องข้างนอก ผู้ชายนุ่งกางเกงตัว เสื้อตัว เขาก็ไปได้แล้ว ถ้าเกิดชาติหน้ามันมีจริงก็ขอไม่เกิด หรือไม่ก็เกิดเป็นผู้ชาย
แสดงว่าต้องดูแลตัวเองขั้นสุด ๆ ไปเลย ?
ตั๊ก มยุรา : สุดไปเลย เพราะงั้นมันเทียบกันระหว่างคนอายุเท่านี้ จับมายืน 10 คน คนที่ไม่ดูแลตัวเอง ไม่ทาครีม ไม่อะไร ไม่ทานอาหารเสริม เชื่อเลยว่าต้องมี 8 คนที่มันจะย้วยไปแล้ว เพราะเขาไม่ดู แต่ถ้าเขาดูเขาก็จะดูแข็งแรงกว่า มองว่าเป็นอย่างนั้น ถามว่ามันทำไมต้องดู 1. ชอบที่จะดู 2. เราทำงานแบบนี้ 3. เรารู้สึกดี เราให้รางวัลกับร่างกายสังขารเรา ซึ่งจะปล่อยก็ปล่อยได้ แต่มันปล่อยไม่ได้ไง เพราะเราชอบแล้ว เราทำงานอย่างนี้ แต่มันมีประเภทแฮปปี้หลายแบบนะ บางคนก็พอส่องแล้วเดี๋ยวฉันขอไปฟิลเลอร์ตรงนี้ ของพี่ ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ขอให้โดยภาพรวมเสื้อผ้าหน้าผม หรือทาตัว หรือบำรุงผิว ต้องครบ มันเลยเหนื่อยไง (หัวเราะ)
พี่ตั๊กดูแลยังไง เมื่อไหร่ที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพหรือความงามแบบจริงจังเลย ?
ตั๊ก มยุรา : ตั้งแต่เด็ก เวลาไปโรงเรียนจะถูกครูเรียกไปก่อนเลยใส่น้ำหอมมาโรงเรียนอย่างงี้ ดัดขนตามาทำไม สมัยก่อนเขาไม่มีที่ดัดขนตานะ ตอนนั้นยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ วิทยาลัยนาฏศิลป์ เด็กนาฏศิลป์จะสวย เราก็คิดอาจจะจริง คิดว่าเราเป็นหนึ่งในนั้น ก็มองกระจก เราตาโตดี เราก็ดูดีนะ ก่อนไปโรงเรียน ไม่สนใจหนังสือ ไม่ค่อยอ่าน ไม่ค่อยท่อง แต่ขอดัดขนตาก่อน ขอใส่น้ำหอมไป ขโมยแม่มาใส่ แล้ววิธีดัดขนตาก็คือไงรู้ไหม ช้อน สมัยก่อนมันมีช้อนสังกะสีแล้วก็งัดมันขึ้น มันก็งอนดีเหมือนกัน เอาใส่ไปโรงเรียนอีก เอาช้อนไปโรงเรียนด้วย ตอนพักงัดอีกสักหน่อย เพราะว่ามันมีนักเรียนผู้ชายหนุ่ม ๆ ก็มองบ้าง เพราะงั้นเชื่อเลยทุกคน ถ้าหนุ่มมองแล้วเราก็ต้องพราวว่า เราโอเคนะ ก็ต้องไปวุ่นวายเรื่องสวยงาม ไม่ใช่เด็กเรียนดี แต่เป็นเด็กชอบสวยงาม เป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ มันก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่พอเข้าวงการมันเหมือนเราเด็ก 17 ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะว่าไปยุ่งเรื่องการทำงาน ก็มั่นใจแล้วว่าเราโอเคแล้ว
ตอนนั้น 17 ปีในการเข้าวงการ เมื่อกี่ปีมาแล้ว ?
ตั๊ก มยุรา : ต้องมี 40 ปีที่แล้ว เรียนนาฏศิลป์ตอนนั้น ยังไม่ได้จบดีเลย เป็นโรงเรียนที่มีดาราเยอะ เช่น คุณพิสมัย ก็จะเข้าออกอยู่ที่นั่น แต่พอเริ่มมาเข้าสู่วงการเราก็เหมือนยังไม่ได้ดูแลมาก แต่มาดูแลจริงจังตอนอายุ 20 กว่า เริ่มมีแฟน มีความรัก เขาถามบอกว่า "คุณเล่นกีฬาอะไรหรือเปล่า ออกกำลังไหม" เพราะเขาเป็นเป็นสายเล่นกีฬา "เล่นค่ะ" โกหกเข้าไปก่อน ตอนนั้นบอกว่าเล่นเทนนิส ก็ไปหาไม้แล้วไปหาครูสอนสิ แล้วก็เต้นแอโรบิก เริ่มอะไรตั้งแต่นั้น เพราะตอนนั้นจำได้ว่าน้ำหนักประมาณ 50 กิโล ก็ออกกำลัง เริ่มเต้นแอโรบิก ก็ชอบมันโอเค ทำให้เรารูปร่างดี ก็เริ่มออกจริงจังมาเรื่อย ๆ และมาจริงจังมากที่สุดคือตอนเล่นละครเรื่องหนึ่งของช่อง 3 ผู้จัดคือคุณมยุรฉัตร บอกว่านางเอกผอมนะ 50 ไม่ได้ ต้องลดให้เหลือ 45-46 ก็การออกกำลังกาย แล้วก็เป็นการอดที่ผิดคือไม่กินอะไรเลย
ลดในตอนนั้นคือลดแบบไหน ?
ตั๊ก มยุรา : เต้น 3-4 รอบ แล้วก็กินแต่น้ำ แล้วก็กินอะไรนิดหนึ่ง ซึ่งมันผิดมาก
คือไม่กินอะไรเลยเหมือน Water Fasting ?
ตั๊ก มยุรา : ไม่กินเลย มันลงเร็วเลยนะ แต่เราไม่ค่อยมีความสุข เพราะมันหิวไง แต่เราก็ต้องทำ แล้วก็ได้เล่นละครเรื่องนั้น พอเราทำแล้วรู้สึกดี เราก็เลยเก็บ 46-47 ไว้อย่างนั้นตลอดมาจนแต่งงาน น้ำหนักอยู่อย่างงี้ น้ำหนักห้ามขึ้น ทุกวันนี้ก็ไม่ขึ้นอีกเลย
ต้องทำยังไง เริ่มจากอาหารที่ทานเลย ?
ตั๊ก มยุรา : คือจริง ๆ การกินมันไม่มีอะไรหรอก มันก็คือกินให้มันบาลานซ์ให้ได้ เวลาคนเรากินมันจะกินบ้าเลือด อยากกินอะไรก็กิน แล้วกินของอร่อย แต่พี่ไม่ใช่คนกินของอร่อย พี่กินเพราะว่าร่างกายต้องการอาหาร
กินเพื่ออยู่ ?
ตั๊ก มยุรา : ใช่ กินเพื่ออยู่ บอกแล้วจะเป็นคนไม่มีเพื่อน เพื่อนไม่เยอะ มีเพื่อนนักกอล์ฟ มีน้อง ๆ ที่เล่นกอล์ฟด้วยกัน บางกลุ่ม ก็จะไม่มีการปาร์ตี้สังสรรค์ เพราะงั้นปาร์ตี้สังสรรค์ 5 เดือนจะเจอกันที เพราะงั้นการจะกินก็เลยระวังได้ แล้วถ้าจะดีที่สุดคือทำกินเอง กินสำคัญที่สุด เวลาไปเล่นกอล์ฟนะ เด็กก็จะรู้ สมมุติถ้าที่ประจำ ขอข้าวนะ เขาก็จะให้มา 1 ถ้วย เราก็กินครึ่งเดียว ข้าวกับเกาเหลา หมูตุ๋น ไก่ตุ๋น อะไรก็ว่าไป ผักเยอะ ๆ ไม่ใส่ชูรส ไม่ปรุงรส กระเทียมไม่เอา แล้วไม่ตักน้ำซุปขึ้นมา เป็นคนทานอะไรแห้งๆ กินแค่นั้น
เป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้ต้องกินอร่อยทุกมื้อ ?
ตั๊ก มยุรา : ไม่จำเป็นชีวิตเรา สามีทานด้วยกันแต่คนละเมนูเลย เขาก็จะกินแต่ครัวซองต์ จะกินแต่ไข่ดาวไส้กรอก ซึ่งบ้านเราแทบจะไม่ซื้อไส้กรอกเลย แต่ก็ต้องให้เขาบ้าง เขาบอกมันไม่อร่อย ไม่ต้องกินจนอิ่มแต่ละมื้อ เขาบอกให้กินแค่ 80% ของท้อง ร่างกายเราไม่ต้องกินทุกมื้อนะ อดมื้อกินมื้อ
เท่ากับว่าเดี๋ยวนี้พี่ตั๊กก็ไม่ได้กินข้าว 3 มื้อ ?
ตั๊ก มยุรา : 2 มื้อบ้าง 3 มื้อบ้าง ข้าวต้มนี่ทานไม่ได้เลยทานแล้วไม่อิ่ม พี่จะทานเช้าเป็นกรีกโยเกิร์ต ใส่อัลมอนด์ ก็จำกัดเลยว่าแค่ 6 หรือ 7 เม็ด ไม่มีการใส่น้ำตาลน้ำเชื่อมน้ำหวาน มันจะชินกับรสชาติ เหมือนการทำร่างกายของเรา ถ้าเราฝึกที่จะเป็นอย่างงั้น เดี๋ยวต่อไปมันชิน แล้วก็มีอะโวคาโดครึ่งลูก แล้วก็กาแฟดำ ซาวโดว์ก็แผ่นเดียว แล้วก็อาจจะมีไข่ต้มสักลูกหนึ่ง หรือไข่ดาวที่ใช้น้ำมันทาไม่ใช่ทอด ทาขอบพอไม่ให้ติดแค่นั้นทุกวัน ก็มีบางวันเปลี่ยนไป กล้วยหอมบ้าง แต่จะมีกล้วยหอมสัก 1/3 ของลูก
มีอะไรที่เลี่ยงไม่ทานเลย ?
ตั๊ก มยุรา : หมู 3 ชั้นไม่เคยทาน แต่ของทอดก็มีบ้าง แต่อย่าไปกินเยอะ สมมุติจานหนึ่ง ปอเปี๊ยะทอด ลองสักชิ้นหนึ่ง
การออกกำลังกาย ?
ตั๊ก มยุรา : จะมีการเดินทุกวัน โชคดีบ้านอยู่ในสนามกอล์ฟ มันมีวิวที่สวยงาม แล้วก็ไม่ชอบเดินลู่ที่อยู่ในบ้านเพราะมันไม่เห็นอะไร ก็เดิน 40 นาทีโดยประมาณ เราจะรู้ว่าตอนนี้ได้ 4,900 5,900 อะไรบวกลบไป เดินไปเดินกลับ หลังจากนั้นก็มาเวทในบ้านซะหน่อย 1 วัน รุ่งขึ้นอาจจะทำแบบนี้ ทำจนติดเป็นนิสัย บางวันก็ไปไดร์ฟกอล์ฟ ไดร์ฟกอล์ฟต้องเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วนะ เหงื่อก็ได้ออก เดินก็ออก เพราะงั้นทำไปทำมาอาทิตย์นี้ฉันออก 7 วันแล้ว แต่ไม่ได้กระหืดกระหอบถึงขนาดว่าเอาเป็นเอาตายกับชีวิต ฉันจะต้องเหงื่อออก ฉันจะต้องกล้ามขึ้นไม่ ให้รู้ว่าเราได้ทำแล้ว เล่นเวทด้วย แต่ทุกอย่างต้องเดินสายกลาง มันได้ผลนะไม่ต้องบ้าบอคอแตกเพราะทำมาหมดแล้ว สมัยก่อนเล่นละคร พี่จะสุดโต่งมาก เล่นละครที่มีรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง เขาบอกวันนี้ไปนอนที่โรงแรมใช่ไหม สมัยก่อนวิ่งหาดทรายเลย ฟิตมากตอนนั้นเราเด็กไง แต่พอ 40 อัพแล้ว ไม่รู้นะ อาจจะผิดก็ได้นะเพราะมากแล้วมันไม่สวย มันเยอะผอมเกร็งเหี่ยวเลยเอาพอดีๆ
แล้วในแง่ของการสร้างกล้ามเนื้อทำบ้างไหม ?
ตั๊ก มยุรา : จริง ๆ รุ่นนี้ต้องสนใจเรื่องกล้ามเนื้อก็คือการเวทนี่แหล่ะ แต่พอดีอย่างที่บอก แล้วก็ต้องทานโปรตีนให้ถึงสำคัญมาก ถ้ารีบ ๆ จะกินไข่ยังไม่ทัน เอาโปรตีนเชค เราก็ทานของไปให้ถึง นอนให้ถึง ถือว่าน่าจะโอเคแล้ว จะไม่ทำอะไรจนสุดโต่งมาก เดินสายกลางให้ได้ แต่สายกลางนั้นก็ต้องดี
เรื่องผิวพี่ตั๊กดูเปล่งปลั่งมาก ดื่มน้ำยังไงบ้าง ?
ตั๊ก มยุรา : เวลาจะกินน้ำ ตื่นมาน้ำคือชีวิต ต้องร้องเพลงไปแล้วมันจะมันสดชื่นไป กินไปเลยแก้วหนึ่งก็ 250 ml ต้องกินให้ได้ 2-3 ลิตร น้ำสำคัญมาก น้ำและนอน เพราะมันจะออกที่ตาด้วย ตานี่ก็สำคัญนะ ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ แล้วพยายามจะนอนให้ได้ 7-8 บางทีไม่ได้ เราก็รู้จากนาฬิกาที่เราวัด แต่การจริง ๆ การสวดมนต์นิดหนึ่งมันช่วยนะสวดแล้วก็นอน เหมือนมันลึก แล้ววันไหนที่ทานอาหารน้อย หลับลึก แต่ค่อนข้างจะหลับลึกสม่ำเสมอ พอเราไม่นอนลองดูสิ จะรู้สึกว่าตาไม่ใส ทาแป้งก็ไม่ติด น่าจะเป็นการนอน นอนสำคัญสำหรับเรา 7-8 ชั่วโมง แต่ต้องลึก
เวลาที่มีความเครียดทำยังไง ?
ตั๊ก มยุรา : จริง ๆ เครียดของพี่ก็คือการออกกำลังแล้วหาย เครียดพี่ต้องไปเดิน เพราะมันมีความสุข แล้วพี่ก็จะสลับไปเรื่อย ๆ บ้านพี่อยู่ในสนามกอล์ฟ บางวันรู้สึกว่าพัตต์กอล์ฟไม่ดี ก็จะขับรถไปที่สนามกอล์ฟที่อยู่ในบ้าน แล้วก็เปลี่ยนรองเท้า ทำอะไรอยู่คนเดียวมันมีความสุขไง แล้วก็พัตต์อยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง เสร็จแล้วก็เอาไม้กอล์ฟมาเก็บ เปลี่ยนรองเท้าแล้วก็เดินไปจนถึงบ้าน แล้วก็เดินกลับมาเอารถ แล้วก็ขับกลับไปบ้าน แค่นี้พี่มีความสุข เครียดแล้วไม่เก็บนาน แต่การที่ได้เห็นต้นไม้เขียว การที่ได้เห็นนก มันสวย มีกระรอก มีนก เหมือนไม่อยู่ในกรุงเทพฯ เลยทำให้เราได้มีความสุขกับการได้เห็นแค่นี้
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากดูแลตัวเองดี ๆ แบบพี่ตั๊กต้องเริ่มจากอะไร?
ตั๊ก มยุรา : มันต้องเริ่มเลยต้องไม่ขี้เกียจ เวลาได้ผลแล้วจะรู้เลยนะ เวลาเช็คร่างกายรู้สึกไง รุ่นนี้คนใกล้ตัวป่วยหมด คนนั้นเป็นมะเร็ง คนนี้เป็นสโตรก แต่พอเราเช็คร่างกายแล้ว น้ำตาล ไขมัน ทุกอย่างมันโอเคหมด ตับไตไส้พุงดีหมด ก็มีกำลังใจที่จะทำต่อ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่อายุน้อยแล้วไปเริ่มเมื่อไหร่ ชีวิตต้องแบ่งเวลาให้ได้ แบ่งเวลากิน แบ่งเวลานอน มีวินัย ทำให้ชินอีก 10 ปีมาดูกัน คนที่ดูแลตัวเองรอด