“บอสพอล – บอสปัน” ให้ทนายฟ้องฉ้อโกง “ฟ.”อดีตนักร้องชาย หลังร่วมกับนักร้องเรียนหญิง ก.
“ทนายวิฑูรย์” เข้าเรือนจำฯ ปรึกษา ”บอสพอล - บอสปัน“ พิจารณาดำเนินคดี พยายามฉ้อโกง ”ฟ. อดีตนักร้องชาย“ หลังร่วมกับ “นักร้องเรียนหญิง ก.” มีพฤติการณ์เรียก 20 ล้านบาท อ้างจ่าย “หนุ่มกรรชัย” เขียนสคริปต์รายการโหนกระแส บอก 2 บอส ”ปัน-พอล“ ยืนยันไม่เคยมีเรื่องพีอาร์องค์กรมาก่อน
อ่านข่าวต่อ:“ฟิล์ม รัฐภูมิ” เคลื่อนไหว หลังถูกโยงคลิปลับดาราดัง อ้างชื่อตบทรัพย์ดิไอคอน
วันที่ 13 พ.ย.67 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร “นายวิฑูรย์ เก่งงาน” ทนายความของ “นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล” หรือ “บอสพอล” เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยม “บอสพอล” ว่า วันนี้ตนมาคุยเรื่องงาน และอาจจะไปพบ ‘บอสปัน’ หรือ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ด้วย โดยเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) ตนได้มีการคุยกันกับ “บอสปัน” ก่อน “นายกรรชัย กำเนิดพลอย” จะเปิดคลิปเสียง โดยตนได้บอกบอสปันว่า คลิปเสียงถึงมือคุณหนุ่มแล้วนะ บอสปันก็ตกใจว่า คลิปเสียงไปถึงมือคุณหนุ่มได้อย่างไร เพราะตนไม่ได้ส่งให้ แต่อาจเป็นน้องๆ ที่เขากู้คลิปเสียงได้ แล้วส่งให้ไปก่อน เพราะฝั่งเราเองก็พยายามกู้ไฟล์คลิปเสียงนี้มาสักพักใหญ่แล้ว เพราะมันอยู่ในคลาวนด์ อีกทั้งยังอยู่ในโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่ตำรวจยึดไป แต่ทางเราก็จำได้ว่ามีในคลาวนด์อยู่
ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลมานานแล้ว แต่คลิปเสียง ตนเพิ่งได้ฟังใกล้ ๆ กับคุณหนุ่ม ส่วนที่คนที่อยู่ในคลิปเสียงกล่าวอ้างว่าเป็นการตัดต่อนั้น สำหรับคลิปเต็มที่ตนได้ส่งให้ฟังกัน มันเป็นคลิปเดียวกัน แต่อันที่เปิดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ถ้าจะเปิด 29 นาทีเต็มคงเปิดไม่ได้ ทางรายการเลยต้องตัดซอยเป็น 2 คลิปและเซนเซอร์บางส่วนไว้
แต่ยืนยันว่าเป็นคลิปเดียวกันที่มีความยาวทั้งหมด 29 นาที และตนยังมีอีกคลิปที่มีความยาว 1 นาที 35 วินาที ซึ่งเป็นคลิปเสียงต่อเนื่องกันมา เกิดขึ้นหลังจากรายการ THE STANDARD ออกเพจเฟสบุ๊คทำนองว่าจะมีการเปิดตัวบุคคลหนึ่งเป็นที่แรก (หมายถึงบอสพอล) จึงทำให้คลิปเสียง 1 นาที 35 วินาทีนี้ เป็นเนื้อหาการโทรฯ มาคุยว่าจะออกรายการกับหนุ่มกรรชัย วันที่ 14 ต.ค. คือ จบ แล้วไม่ออกรายการโหนกระแส แต่ไปออกรายการ THE STANDARD คือจบเลยนะ เหมือนกับว่าทางคุณฟิล์ม จะให้เราไปออกรายการโหนกระแส ไม่ต้องไปออกรายการ THE STANDARD
ทั้งนี้ ภายในคลิปเสียงสนทนาไม่ได้มีการข่มขู่ เพราะภาษากฎหมาย การข่มขู่ คือ การถูกข่มขู่เอาชีวิต หรือทำให้เสียชื่อเสียง แต่คลิปเสียงที่สองนี้ เหมือนแค่อยากให้เราไปออกรายการโหนกระแสเป็นหลัก
ทนายวิฑูรย์ เผยต่อว่า สำหรับคลิปเสียงแรกที่มีความยาว 29 นาทีนั้น มีเนื้อหาเป็นการเรียกรับผลประโยชน์ ยึดตามเนื้อหาในคลิป เเละตนเข้าใจว่าคุณกรรชัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดนแอบอ้างจริง แต่ในคลิปนี้ตนเห็นด้วยกับทั้งสองท่านอย่างหนึ่ง คือ รายการโหนกระแสเป็นรายการที่สามารถที่จะกำหนดทิศทางของสังคมได้ อันนี้พูดกันตรงๆ ไม่ได้อ้อมค้อม เป็นรายการที่สามารถกำหนดทิศทางทางสังคมได้ว่าจะให้เรื่องไหนชี้ไปทิศทางไหนโดยสังคมเป็นผู้กำหนด แต่โดยรูปแบบของรายการจะเป็นเหมือนกับว่าโอเคคุณก็ไปตัดสินเอาแล้วกัน แต่ส่วนใหญ่แฟนคลับในรายการจะเป็นกลุ่มใหญ่ พอรายการนำเสนอไปทิศทางไหนเขาจะเชื่อไปในทิศทางนั้น
นอกจากนี้ ในคลิปเสียงแรก (29 นาที) ได้มีการกล่าวถึงคดีก่อนหน้านั้นที่มีกระแสสังคมบีบคั้นคือคดีป๋าเบียร์แม่ตั๊ก ก็เป็นคดีหนึ่งที่ไปท้าทายกับทางรายการโหนกระแส
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า “คุณกรรชัย” ไม่เกี่ยวข้อง แต่เพียงแค่ว่าตำรวจมีการแอ็คชั่นตามรายการ กล่าวคือมีการดำเนินคดีกับแม่ตั๊กป๋าเบียร์เต็มที่ โดยจับเข้าคุกไป ตอนนี้ยังประกันตัวไม่ได้ แล้วตอนนี้กระแสเงียบไปแล้ว ซึ่งดิไอคอนก็เป็นหนึ่งในแนวทางนั้น
ตอนที่มีการคุยกันก่อนที่จะไปรายการโหนกระแสวันที่ 14 ต.ค. ทุกคนที่ตกเป็นจำเลยสังคม มักจะกลัวรายการโหนกระแส เลยกลายเป็นช่องทางที่ทำให้กลุ่มคนกลุ่มนี้หากินกับความกลัวเหล่านี้ โดยทำให้รู้สึกว่ารายการโหนกระแสเป็นรายการต้นน้ำนะ มีการเขียนสคริปต์นะ มีการกล่าวอ้างว่าคุยกับคุณหนุ่มได้ หรือการที่นักร้องเรียนหญิงกล่าวว่ามี 100 ล้านบาท จ่าย 20 ล้านบาท เป็นต้น แล้วอ้างว่าเขียนสคริปต์แบบนี้ ๆ แล้วออกรายการ 3 คน มีฝั่งผู้เสียหาย คือ คุณพัช ฝั่งของคนที่โดนคดีมาก่อนและต้องพิสูจน์ตัวเอง คือ คุณฟิล์ม และคุณพอล คือ จำเลยในวันนั้น โดยคุยกันว่ามีพี่หนุ่มเป็นพิธีกรรายการนะ กลายเป็นว่ารายการโหนกระแส จะมีการโจมตี มีการกล่าวหา แต่จะเป็นการกล่าวหาไม่มาก สุดท้ายสคริปต์จะออกไปในทำนองที่ว่า คุณเป็นคนดีของสังคม งั้นคุณไปแก้ไขให้ถูกต้องแล้วกันในเรื่องของการเยียวยาผู้เสียหาย และจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ซึ่งถ้าได้ฟังกันจะมีบทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของคุณพัชและคุณฟิล์ม
ทนายวิฑูรย์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้มีการจ่ายเงิน 20 ล้านบาทเกิดขึ้น ว่า ไม่มีเงิน แต่ถ้าถามว่ามีเงินหรือไม่ บริษัทมีเงินอยู่แล้ว แต่อยู่ดี ๆ จะเอาเงิน 20 ล้านออกจากบริษัทฯ แล้วนำไปจ่ายโดยจ่ายเป็นเงินสด คงไม่เมคเซ้น และในช่วงนั้นจะถามว่าจะจ้างพีอาร์ทำไม ในเมื่อกำลังเป็นคดีความ คนที่ควรจ้างคือทนายความหรือไม่ และบังเอิญช่วงนั้น พวกตนเริ่มมารับงานกันแล้ว