ไอดอลแถวหน้าของโลก! เส้นทางแห่งฝันผลักดันสู่ความสำเร็จของ “แบมแบม กันต์พิมุกต์”

ไอดอลแถวหน้าของโลก! เส้นทางแห่งฝันผลักดันสู่ความสำเร็จของ “แบมแบม กันต์พิมุกต์”
        หากพูดถึงศิลปินไทยที่โด่งดังในเกาหลีและเป็นที่รู้จักทั่วโลก คงต้องมีชื่อของ “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกูล” หรือ “แบมแบม GOT7” หนึ่งในไอดอลเกาหลีเลือดไทยที่หมดสัญญาจากค่าย JYP Entertainment ในปี 2564 และตอนนี้กำลังเดินหน้าทำงานในวงการบันเทิงเกาหลีในฐานะศิลปินเดี่ยวของค่าย ABYSS COMPANY พร้อมทั้งประกาศเวิลด์ทัวร์เป็นครั้งแรกจนสร้างความฮือฮากันทั่วโลก แต่กว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ “แบมแบม” ต้องผ่านอะไรมาบ้าง? “ดาราเดลี่” ขอพาทุกคนไปล้วงลึกกัน

“แบมแบม” เด็กหนุ่มผู้มีความฝันและพลังเต็มเปี่ยม

                   
          จุดเริ่มต้นของ “แบมแบม” เด็กหนุ่มวัย 10 ปีที่มีความฝัน ได้เข้าร่วมการประกวดเวทีแรกจากงาน Rain Cover Dance In Thailand ปี 2550 จากนั้นได้เข้าตาแมวมองของค่าย JYP ชวนไปออดิชั่นที่ประเทศเกาหลี แต่เจ้าตัวปฏิเสธไปเพราะเด็กเกินที่จะใช้ชีวิตอยู่เองที่เกาหลี หลังจากนั้น “แบมแบม” ได้เป็นสมาชิกทีม WE ZAA COOL ที่มี “ลิซ่า” เป็นสมาชิกด้วย และเวทีนี้ทำให้ JYP เจอ “แบมแบม” อีกครั้ง จึงชักชวนให้มาเป็นเทรนนีในค่าย โดยไม่ต้องออดิชั่น และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเกาหลีด้วยอายุเพียง 13 ปี

“JYP Entertainment” บ้านหลังแรกผู้สานฝันใหญ่

                   
          “แบมแบม” เดินทางไปเป็นเทรนนีของ JYP เพื่อตามหาความฝันตามลำพัง เจอกับเรื่องความแตกต่างทางด้านภาษาในการใช้ชีวิต การสื่อสาร และวัฒนธรรม เป็นจุดที่อาจถือว่ายากลำบาก ตอนฝึก “แบมแบม” เคยเล่าว่าใช้เวลาในการเรียนประมาณ 12 ชั่วโมง ทั้งเรียนเต้น เรียนร้องเพลง และเรียนภาษาเกาหลี นอกจากตารางการฝึกโหดแล้ว ทุกคนต้องขยันฝึกนอกเวลาด้วย เพื่อจะให้เข้าตาค่าย หรือให้ถูกเลือกให้เดบิวต์ ซึ่งก่อนเดบิวต์ “แบมแบม” เคยได้รับคำชมจากประธานค่ายเพลงอย่าง “ยาง ฮยอนซอก” แห่ง YG Entertainment จากการแบทเทิลกันระหว่างเทรนนีของ YG และ JYP (รายการเฟ้นหาไอดอลของ YG) ทำให้ “แบมแบม” ถูกเลือกจาก “พัค จินยอง” ประธานค่าย JYP และได้เดบิวต์ในฐานะ GOT7 ในที่สุด รวมระยะเวลาฝึกหัดก่อนเดบิวต์เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง

จากเด็กเทรนด์สู่การเป็น “GOT7” บอยแบนด์แรงค์ท็อปของเกาหลีใต้
                   
          GOT7 เดบิวต์ในวันที่ 16 มกราคม 2557 โดยมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน คือ “เจบี, มาร์ค, แจ็คสัน, จินยอง, ยองแจ, ยูคยอม และ แบมแบม” สมาชิกคนไทยหนึ่งเดียวของวง ซึ่งวงเปิดตัวด้วยอัลบั้มแรก มีชื่อว่า Got it? ด้วยซิงเกิลเพลง Girls Girls Girls แนวเพลงสไตล์ Hip Hop หลังจากนั้น กระแสของวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเพลง Fly ในอัลบั้ม Flight Log : Departure สามารถไต่อันดับที่ 1 ในรายการเพลงได้ หลังจากที่ GOT7 เดบิวต์มากกว่า 2 ปี พวกเขาโด่งดังไปทั่วเอเชียในเวลารวดเร็ว และความดังของพวกเขาทำให้มีแฟนคลับจากหลายประเทศทั่วโลก ในตลอดระยะเวลา 7 ปี GOT7 เดินสายเวิลด์ทัวร์ไปทั่วทุกมุมโลก ระเบิดฟอร์มคอนเสิร์ตและแฟนมีตติ้งมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ละเมืองอากาเซ่แน่นเต็มความจุของฮอลล์ พวกเขาสร้างความสุขและสร้างเสียงหัวเราะให้แฟนคลับจดจำ จนเดินทางมาถึงอัลบั้มสุดท้ายก่อนโบกมือลาบ้านเก่าอย่าง JYP พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 Breath of Love : Last Piece เป็นอัลบั้มที่เมมเบอร์ทุกคนมีส่วนร่วมในการทุกกระบวนการ ทำให้แฟนๆ ทั่วโลกประทับใจและได้รับผลตอบรับที่ร้อนแรงอีกครั้ง

“GOT7” และ “IGOT7” เพื่อนคู่คิด ชีวิตคู่กัน!
                   
               GOT7 มีแฟนคลับที่ใช้ชื่อแฟนด้อมว่า IGOT7 หรือภาษาเกาหลีว่า “อากาเซ” (คำพ้องเสียงของคำว่า IGOT7) ซึ่ง “อากาเซ” มีความหมายว่า “นกน้อย” สัญลักษณ์ของวงเป็นรูปนก สีประจำวงคือ “สีเขียวเหล้าชาร์ทรุส” และมีแท่งไฟที่ใช้ชื่อว่า “อากาบง” เป็นรูปนกสีเขียว ส่วนผู้คิดชื่อ “อากาบง” ก็คือ “ยองแจ” เมนโวคอลเกาหลีไลน์ของวง GOT7 และ IGOT7 มีความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้น นับวันยิ่งมีแต่เพิ่มขึ้น การกดบัตรคอนเสิร์ตแต่ละครั้งมีแต่ทวีคูณความยากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งวงที่มีฐานแฟนคลับที่มั่นคงมากๆ แม้จะเดบิวต์มาแล้วเกือบ 10 ปี ด้วยความเป็นกันเองของศิลปินและแฟนคลับ อยู่กันแบบไม่ขายความเป็น Boyfriend Material ขีดเส้นชัดเจนระหว่างศิลปินและแฟนคลับ แต่ก็เป็นวงที่ยึดคำมั่นสัญญา “จะลดช่องว่างระหว่างศิลปินและแฟนคลับให้ได้มากที่สุด” และก็ทำได้จริงตามที่เคยสัญญาไว้ ส่วน “แบมแบม” กับพี่ในวงอยู่กันแบบครอบครัว มีความผูกพันธ์ที่แสนแน่นแฟ้น โดยมี “มาร์ค-แจ็คสัน” แก๊งอเมริไทยคง (ATK) เป็นเพื่อนต่างชาติร่วมวงที่ผ่านหลายอย่างมาด้วยกัน ส่วนเพื่อนซี๊ไม่ใช่ใครที่ไหน “ยูคยอม” เพื่อนร่วมวงที่เกิดปีเดียวกันนั่นเอง

รางวัลแห่งเกียรติยศ พิสูจน์ฝีมือและความสามารถ
                   
               ตั้งแต่เดบิวต์เป็นวงกับ “GOT7” พวกเขาเดินสายรับรางวัลมาไม่น้อย ส่วนผลงานเดี่ยวของ “แบมแบม” เองก็สามารถคว้ารางวัลต่างๆ ได้มากมาย ที่ถือเป็นเครื่องการันตีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น รางวัล POPULAR VOTE ฝ่ายชาย : จากเวที “DARADAILY AWARDS ครั้งที่ 8” เมื่อเดือนมิถุนายน 2018 โดยเจ้าตัวชนะคะแนนโหวตอย่างมหาศาลและคว้ารางวัลไปครองได้สำเร็จ ซึ่งเวทีนี้เป็นเวทีแรกที่ “แบมแบม” มีโอกาสได้เดินทางมารับรางวัลเดี่ยวด้วยตัวเองที่ประเทศไทย, รางวัล Song Of The Year : จากเพลง “พี่ไม่หล่อลวง” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “อ้าย..คนหล่อลวง” จาก “JOOX Thailand Music Awards 2021”, รางวัล Best All-Rounder : จากงาน “2021 STARPALY Awards” รางวัลที่มอบให้กับศิลปินที่มีความสามารถรอบด้านนั่นเอง “แบมแบม” ก็ทำได้ดีในทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นแร็ปเปอร์, เต้น, ร้อง และนายแบบ รวมถึงรางวัล Asia Celebrity Award และรางวัล Best Artist Award จากเวที 2021 Asia Artist Awards

ปิดตำนาน “GOT7” แห่ง “JYP” 7 คน 7 ปี 7 ค่าย
                   
               วันที่ 19 มกราคม 2564 GOT7 ได้หมดสัญญากับต้นสังกัด JYP ทุกคนได้ปรึกษาหรืออย่างถี่ถ้วนและตัดสินไม่ต่อสัญญา เดินตามเส้นทางศิลปินเดี่ยวของตัวเองสร้างก้าวใหม่ในอนาคต 7 คน 7 ค่าย ซึ่งหลังจากประกาศสิ้นสุดสัญญา GOT7 ได้ปล่อยเพลง Encore เพื่อเป็นคำมั่นสัญญาว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม นานๆ ครั้งพวกเขาจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งให้แฟนๆ อากาเซ่ได้หายคิดถึง เหมือนกับวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 ที่คัมแบ็คหลังจากศิลปินทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเดี่ยวมากกว่า 1 ปี พร้อมกับปล่อย MV เพลง NANANA กับอัลบั้มชื่อว่า GOT7 ภายใต้ความร่วมมือของสมาชิกทุกคน และ Warner Music Korea เพื่อเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนคลับ และยืนยันว่า GOT7 จะยังคงอยู่ไม่ได้แยกจากกันไปไหน

“แบมแบม” ไม่ทิ้งฝัน! เดินหน้าเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยว
                   
          หลังจากแยกย้ายกันเป็นศิลปินเดี่ยว “แบมแบม” เปิดตัวก้าวเข้าสู่สังกัดค่ายใหม่อย่าง ABYSS COMPANY ต้นสังกัดของศิลปิน-ไอดอลชื่อดัง อย่าง ซอนมี, ซานดาราพัค , Urban, พัควอน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยเส้นทางการเป็นไอดอลของ “แบมแบม” ได้พลิกผันเข้าสู่ช่วงยุคทอง ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ และ “แบมแบม” ได้ปล่อยซิงเกิลเพลง “riBBon” ทำสถิติยอดขายทะลุ 1 แสนอัลบั้ม ยอดดูเอ็มวี 1 วัน 10 ล้านวิว เปิดตัวด้วยการทะยานสู่อันดับ 1 บนชาร์ต iTunes Top Albums อย่างน้อย 34 ประเทศ ในขณะเดียวกันก็อยู่ในอันดับ 2 ในชาร์ต iTunes Albums ของสหรัฐอเมริกา และยังได้อันดับ 1 ในชาร์ต European iTunes Album และ Worldwide iTunes Album charts รวมทั้งอยู่ในอันดับที่ 7 บนชาร์ต iTunes Top 100 Albums 2021 ซึ่งถือเป็นอัลบั้มที่มีอันดับสูงสุดของศิลปินเดี่ยวเกาหลีเลยทีเดียว

ยุครุ่งโรจน์ “ABYSS COMPANY” พร้อมสานฝัน “แบมแบม” ในวงการบันเทิงเกาหลี
                   
          ABYSS COMPANY พยายามโน้มน้าวใจให้ “แบมแบม” ตกลงเซ็นสัญญาด้วยถึง 5-6 ครั้ง ค่ายนี้มาพร้อมกับความแตกต่างจากค่ายอื่น คือให้อิสระในการทำงานและทางความคิด CEO รุ่นใหม่ไฟแรง พร้อมพา “แบมแบม” บุกตีตลาดเกาหลี เนื่องจากเจ้าตัวมีชื่อเสียงต่างประเทศเป็นอย่างมาก แต่ที่เกาหลียังไม่เป็นไปตามคาดเท่าไหร่ ข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจตอบรับข้อเสนอ และพากันบุกตลาดเกาหลี ทั้งไปร่วมรายการ เป็นดาราประจำรายการและเป็นไวรัลไปทั่วทั้งประเทศ พร้อมผุดรายการ “บ้านแบมแบม” ที่ตอนนี้มีถึง 2 ซีซั่น ไอดอลทั่ววงการเคป็อปล้วนอยากมาร่วมรายการ

ตีแตกทุกแบรนด์ที่ร่วมงาน แบรนด์ยักษ์ใหญ่จ่อคิวจองตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์!

          “แบมแบม” เป็นอีกหนึ่งคนที่งานพรีเซ็นเตอร์เข้าหาไม่หยุด หันไปทางไหนเจอแต่ป้ายโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอางค์แบรนด์เนม (YSL), รถยนต์ (โตโยต้า YARIS ATIV), เครือข่ายโทรศัพท์ (AIS) และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงสเกลระดับโลก ทั้งการเป็น Friend of UNICEF, การเป็น Global Brand Ambassador ของ NBA ทีม Golden State Warriors ที่สร้างปรากฏการณ์สั่นสะเทือนวงการกีฬาสหรัฐฯมาแล้ว โดยทุกครั้งที่มีอีเวนต์งานเปิดก็เรียกว่าห้างแตก หรืองานปิดแบบท็อปสเปนเดอร์ งานซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อแลกบัตรเข้าชมก็ล้วน Sold Out ทำยอดขายรวมพุ่งทะลุมากกว่า 8 หลัก มีกระแสและได้รับฟีดแบ็คที่ดีทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในโซเชียลทุกครั้งที่มีงานหรือวาระสำคัญ ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นขาประจำเทรนด์ก็ว่าได้ สร้างความพึงพอใจให้กับทางแบรนด์เป็นอย่างมาก ซึ่งบางแบรนด์ก็อยู่ด้วยกันยาวนานหลายปี นอกจากนี้ “แบมแบม” ยังถูกรับเชิญให้ไปร่วมงานระดับโลกในหลายๆ ครั้ง รวมถึงการบินตรงไปร่วมชมแฟชั่นโชว์ Louis Vuittion ที่ปารีส ซีซั่นล่าสุด ซึ่งข้อมูลจากแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง อย่าง “Lefty” ได้มีการเปิดเผยว่า “แบมแบม” สามารถสร้างมูลค่าทางสื่อได้กว่า 102 ล้านบาท และหากพูดถึงช่องทาง Official ของ “แบมแบม” แต่ละแพลตฟอร์มนั้น มียอดผู้ติดตามหลัก 10 ล้าน ทั้งไอจีส่วนตัว @bambam1a มียอดผู้ติดตามถึง 17.6 ล้านคน มากที่สุดในไทยเป็นอันดับที่ 4 และแพลตฟอร์ม X ส่วนตัว @bambam1a มียอดผู้ติดตาม 11.6 ล้านคน

World Tour ครั้งแรกสร้างปรากฏการณ์ “แบมแบม” บัตรเกลี้ยงในไม่กี่นาที!

                   
        หลังการรอคอยอันยาวนานของแฟนคลับก็ได้เวลาเซอร์ไพรส์ประกาศข่าวดีกับงาน “2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52]” เวิลด์ทัวร์เดี่ยวครั้งแรก คอนเฟิร์มจัดเต็มทุกพื้นที่ เพราะว่า “แบมแบม” มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เต็มเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ให้อากาเซ่แบบจุใจ! โดยทัวร์นี้จะจัดขึ้นในหลายเมืองเริ่มจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นต่อด้วย มะนิลา, มาเก๊า, กัวลาลัมเปอร์ และที่บ้านเกิดของ “แบมแบม” กรุงเทพฯ ประเทศไทย ในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 ณ ธันเดอร์โดม สเตเดี่ยม ซึ่งหลังจากประกาศขายบัตรก็เกิดศึกชิงบัตรจน Sold Out สร้างสถิติบัตรขายหมดกว่า 20,000 ใบภายในไม่กี่นาที ต่อมาเฮกันทั้งด้อม เมื่อ iMe Thailand ผู้จัดงาน ได้ประกาศเพิ่มรอบการแสดงในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 และเปิดขายวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมสร้างความฮือฮาใน X กับการติดเทรนด์อันดับ 1 ของประเทศไทย ในแฮชแท็ก #BamBamAREA52inBKK2ndShow อีกด้วย

          จนวันนี้ “แบมแบม” ได้กลายเป็นอีกหนึ่งไอดอลแถวหน้าของโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่มีความตั้งใจ ความพยายาม และไม่ทิ้งความฝันที่จะก้าวไปสร้างตำนานให้คนทั่วโลกได้จดจำ ไอดอลเกาหลีเลือดไทยใจแกร่ง “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล”