ตัวมัมวาจาศักดิ์สิทธิ์! “เปิ้ล ไอริณ” เคลียร์ชัดหลังแช่ง “ใบเตย”
หลังจากที่ถูกชาวเน็ตขุดคลิปเก่าเมื่อ 9 ปีก่อน ที่ “เปิ้ล ไอริณ” เคยให้สัมภาษณ์ถึง “ใบเตย อาร์สยาม” เมื่อครั้งที่มีดราม่ามีปัญหากันเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ชาวเน็ตต่างมองว่าคำสาปแช่งของเธอนั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆ หลังจากที่ ใบเตย-ดีเจแมน ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ล่าสุด “เปิ้ล ไอริณ” ออกมาเผยสาเหตุเบื้องลึกเล่าละเอียดถึงเหตุการณ์ในอดีต ผ่านทางรายการโต๊ะหนูแหม่ม ว่า
ก่อนอื่นเราต้องพูดให้ทุกคนทราบก่อนว่าคลิปที่เป็นไวรัลไปเราได้พูดไปก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเดือนก่อนเป็นเดือนแล้วด้วยคำถามที่นักข่าวถามเราว่ารู้สึกยังไงที่คนมาสาปแช่งเรา เราก็เลยหัวเราะขึ้นมา และพูดว่าจริงๆ เราเป็นคนไปสาปแช่งเขามากกว่า ซึ่งจริงๆ ลึกๆ เรารู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และเราก็เลยรู้ว่าถ้าเราพูดไปในอนาคตข้างหน้าเราไม่ต้องพูดแล้ว ตรงนี้จะแทนคำพูดของเรา และสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่าตอนที่เราพูดเราก็จะไม่ได้ใส่เสื้อเรียบร้อยแบบนั้น แต่วันนั้นเราใส่เสื้อสีส้มและเป็นเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยด้วย ซึ่งเรารู้ว่ามันจะต้องออกไปในทางไหน
วันที่เป็นข่าวตอนนั้น ด้วยความที่เราต้องเรียนให้ทุกคนทราบก่อนว่าเราเองเป็นคนที่สำคัญที่สุดคือการให้เกียรติผู้อื่นเราเป็นมนุษย์ที่ให้เกียรติทุกคนอย่างยิ่ง แม้แต่เด็กเสิร์ฟไปเสิร์ฟอาหารเรายังต้องมองตาเขาและพูดด้วยความสุภาพแม้แต่ร.ป.ภ. เราไม่เคยเรียกเขาว่ายาม เพราะเราเล่นละครเวลาเรียกใครว่ายาม ซึ่งคาแรกเตอร์มันจะเป็นการดูถูกคนคือเราให้เกียรติทุกคนอย่างยิ่ง แต่เวลานั้นเราโดนไม่ให้เกียรติในทุกมิติเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก๊อปปี้ผลงานซึ่งก็ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าจริงๆ แล้วมีเพลงเพลงนึง ซึ่งตอนนั้นเราจะทำเอ็มวีแล้วเราโทรไปหาผู้จัดการเรา เค้าก็เลยนัดเรามาเจอและให้เรายกหูคุยกับผู้ใหญ่อีกค่ายหนึ่ง และตอนนั้นเรามีสปอนเซอร์เราเลยบอกไปว่าเท่าไหร่ก็ยอมจ่ายเค้าก็เลยถามตัวเส้นเอ็มวี เราก็เลยบอกว่าเอ็มวีเราจะนั่งรถทัวร์มา และเราจะเปลี่ยนเสื้อผ้ามีแดนเซอร์ช่วยเปลี่ยน และรถทัวร์ชนกัน ซึ่งเราก็จะเดินจากปรากฏตัวลงมาเป็นเรทคาร์เปทและหลัง จากนั้นเค้าหายไปแล้วก็กลายเป็นเอ็มวีของเค้า ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่าโกรธมากเพราะมันเป็นความคิดของเรา
ก่อนหน้านั้นไม่เคยทะเลาะกันเลยแต่เราก็ยังเชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นไม่มีเรื่องบังเอิญ ด้วยเหตุผลของมันมันอาจจะมีกรรมด้วยกันมา ที่เรารู้สึกไม่ดีที่เค้าทำเรื่องนี้ไว้บุพกรรมก็เลยชักพาให้เราได้ไปเล่นภาพยนตร์กับแฟนเขา และในบทผู้กำกับก็มาเติมให้เราตอนที่เดินเข้าไปเซ็ทฉากว่าเดี๋ยวต้องจูบกันนะ เราก็คิดว่าจูบก็จูบไม่ได้คิดอะไร พอเขาออกไปเราก็ต้องปกป้องเขาซึ่งตอนที่ถ่ายจูบมันเป็นซีนเฉพาะหน้า แต่มือเขาจับหน้าอกเรา พอมีคนมาถามเรื่องนี้เราก็บอกว่าไม่เป็นไรมันเป็นฟิลลิง แล้วพยายามไม่มีปัญหา แต่หลังจากนั้นพอภาพออกไปทาง “คุณดีเจแมน” เค้าได้โทรบอกให้ผู้ใหญ่มาบอกเราว่าเธอเป็นคนปล่อยภาพใช่ไหม ซึ่งมันเกินจากหน้าที่รับผิดชอบของเราที่เราจะไปปล่อยภาพจากบทหนังได้ จนเค้าไปสั่งบอกให้ผู้กำกับตัดบทนี้ออก ซึ่งเราก็โมโหเพราะเราเล่นเต็มที่ นะแล้วก็เปลืองตัวเรา ก็ทำงานเต็มที่สุดท้ายเค้าก็ให้ผู้ใหญ่โทรมาด่าเรามันคือหลายอย่างมากและบังเอิญหนูก็ได้ไปเล่นอีกเรื่องหนึ่งกับเขาอีก ซึ่งเค้าบอกว่าถ้าคนนี้เดินเข้ามาในสตูดิโอวันนี้เค้าจะเดินออก และทางผู้ใหญ่ก็เลยมาบอกเราว่าให้เปิ้ลไปรอข้างนอกซึ่งเรารอตั้งแต่ตอนก็เริ่มแต่งหน้าใช้เวลา 4 ชั่วโมง