เปิดบทสัมภาษณ์ “ครูเต้ย” นักร้อง 100 ล้านวิว เคลียร์ดราม่ารับงานเยอะจนเบี้ยวการสอน!?
ถือเป็นอีกหนึ่งนักร้องลูกทุ่งอีสานที่น่าจับตามองมากๆ สำหรับ “เต้ย อภิวัฒน์ บุญเอนก” หรือ “ครูเต้ย อภิวัฒน์” ที่พลิกชีวิตจากเด็กหนุ่มต่างจังหวัด สู่การเป็นเจ้าของผลงานเพลงดังร้อยล้านวิว เปิดใจเคลียร์ดราม่าคบซ้อนมีโลก 2 ใบ พร้อมประเด็นทิ้งสอนนักเรียน เอาเวลาไปร้องเพลง ซึ่งเจ้าตัวเผยให้แบบหมดเปลือกผ่านรายการคุยแซ่บโชว์ว่า
อ่านข่าวต่อ : “เต้ย อภิวัฒน์” โต้คบซ้อน แจงยังทำงานเป็น “ครู” ปกติ
สำหรับโควิดที่เกิดขึ้นกระทบเรื่องการร้อง การเรียนการสอน คอนเสิร์ตก็เลื่อนไปหมดเลย มันไม่สามารถที่จะจัดได้ การเรียนการสอนก็มีอยู่ช่วงนึงที่มันหนักจริงๆ ทางโรงเรียนงดไม่ให้นักเรียนมาเรียนที่โรงเรียน ให้เรียนออนไลน์แทน คือเด็กทุกคนมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน แล้วยิ่งโรงเรียนที่ผมไปสอนมันเป็นโรงเรียนขยายโอกาส อยู่บ้านนอก อย่างมือถือเรียนออนไลน์ต้องมี แต่บางคนก็ไม่มี มันก็จะยากสำหรับคนที่ไม่มี ซึ่งบางคนอาจจะไปดูกับเพื่อน ถามว่ามันได้อะไรไหมในการเรียนออนไลน์ ผมว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ
รายได้จากการร้องเพลงที่ผ่านมา รอบแรก รอบสอง ก็น่าจะประมาณ 7 หลัก มีค่าทีมงาน ค่าน้ำมัน ค่ากินอะไรก็น่าจะแสนกว่าบาทต่อเดือน โควิดรอบนี้ก็ไม่มีหยุด เรายังจ่ายเหมือนเดิม เราไม่ได้ไปคอนเสิร์ตก็จริง แต่เรามีงานรีวิว ทำเพลงลงยูทูบ ทีมงานอยู่กับเราก็หาอะไรทำ
ถามว่าเป็นนักร้องอยู่แล้วทำไมอยากเป็นครู ก็ตอนเรียนใกล้จะจบปี5 แล้วมีความคิดติดวง ติดเพื่อน อยากทำเพลง ก็เลยคิดว่าขอที่บ้านทำเพลงสัก 1-2 ปี ค่อยสอบบรรจุ แต่ว่าบ้านนอกปู่กับย่าเขาตั้งความหวังเรามาเรียน เราต้องจบ แล้วเราต้องได้เป็นครู เขาก็ถามว่ามันจะสอบได้ไหม จะได้เป็นครูไหม เวลาเรากลับบ้าน เราเลยรู้สึกว่างั้นเราตั้งใจทำให้เขา ก็เลยไม่กล้าที่จะพูดว่าขอเวลา ก็เลยกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือ ผมใช้เวลา 1 เดือนในการอ่านหนังสือ แล้วไปสอบบรรจุแล้วโชคดีที่ติด แล้วพอบรรจุแล้ว
เป็นครูสอนปกติ ผมก็ยังเล่นดนตรีกลางคืนครูเต้ยดังจากคลิปนึง ก็ช่วงนั้นมันปิดเทอม เราต้องตรวจข้อสอบ เรารู้สึกว่าบางคนได้เยอะก็ได้เยอะ คนไม่ได้คือไม่ได้เลย ก็เลยพักตรวจ เพราะมันมาหลายห้อง ก็เลยจับกีต้าร์ขึ้นมาแต่งเพลงให้พวกที่ไม่ชอบส่งงาน ก็เลยมีชื่อเพลงว่า บอกให้ส่งงาน พออัดแล้วผมเอาลงเฟซบุ๊ก วันนั้นไม่รู้ใครเอาไปลงเพจยูไลค์สมัยก่อนมันก็เลยกลายเป็นดังไปเลย คนก็เลยมาติดตามเรา แล้วกลับมารื้อดูผลงานเก่าๆ เรา มันก็เลยทำให้เรามีงาน
ดังเมื่อไหร่ ดราม่าก็ตามมา ใช่ครับช่วงที่ผมเจอดราม่าเป็นช่วงโควิดพอดี เรื่องคบซ้อน ไม่จริงครับ ก็คือเราเลิก เราอะไรกันแล้วถึงเราจะมีคนใหม่ ซึ่งคาดว่าที่มาก็น่าจะเป็นพี่ๆ ในเน็ต บางคนเขาก็ไปขุดเจอว่าแต่ก่อนคบกับคนนี้ แล้วทำไมมาคบกับคนนี้ ทำไมไม่รู้เลยว่ากับคนนี้เลิกกันตอนไหน ซึ่งเราไม่ได้ลงเรื่องแฟนตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้ว เขาก็ไปสืบ ไปหาดู ทั้ง 2 กลุ่มก็ทะเลาะกันหนักเลย ก็มีมาด่าด้วย แบบดังแล้วลืมตัว ซึ่งช่วงแรกๆ ผมไม่เคยอยู่วงการบันเทิง ผมก็จะอ่าน ผมสนใจคนที่ด่าเรา บางครั้งอ่านจนไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไรเลย เพราะมันด่าหนักเลย ด่าหลายๆ อย่างเลย แล้วหลังๆ มาพี่ๆ ในวงการบันเทิงให้กำลังใจ บอกว่าอย่าไปอ่านเยอะ ก็เลยพยายามปล่อยผ่านเรื่องนี้ แล้วมันก็เงียบไป
ส่วนความรักตอนนี้ปกติดีมั้ย ก็ปกติดีก็ยังคบกับคนปัจจุบันอยู่ เคลียร์ดราม่า รับงานร้องเพลงเยอะ จนเบี้ยวการสอนไม่จริงครับ ก็ยังไปสอนปกติเหมือนเดิม จันทร์-ศุกร์ ผมก็รับงานไม่ไกล เล่นเสร็จขึ้นรถ นอนบนรถตู้ ถึงบ้าน ถ้ามีเวลาเหลือได้นอน ถ้าไม่เหลือก็อาบน้ำไปโรงเรียน วันนึงมีทั้งหมด 6 คาบ เราได้สอน 3-4 คาบ แล้วแต่วัน ซึ่งมันมีเวลาว่างของเราอยู่แล้ว มีเวลาว่างตรวจการบ้าน มีเวลาว่างทำแผน เราไม่ได้สอนเต็มทั้งวัน ผมเป็นครูดนตรี ไม่ได้สอนประจำห้อง
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ดูอยู่ แล้วเข้าใจเราผิดไหม? ที่จริงผมก็เงียบเรื่อยๆ มา เพราะว่ามันไม่ได้มีปัญหา เราก็ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ทั้งสองงาน ถ้าเขาจะคิดอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ คนเรามีสปีริตหรือความตั้งใจต่างกัน ผมเห็นหลายคนไม่ได้ทำงานแค่สองอย่าง บางคน 3-4 อย่าง อยู่ที่ร่างกายเขาไหว แล้วเขาสู้ มันอาจจะมองได้หลายมุม หลายคนก็มองว่า มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมมันถึงทำได้ ถ้าคนที่เคยทำงานหนักมาก่อน เขาจะรู้ว่ามันทำได้ เราจะเหนื่อยขึ้น แค่นั้นเองครับ
เราดังแล้ว อาชีพราชการเงินน้อย ทำไมยังสอนอยู่ ไม่ไปเป็นศิลปินเต็มตัว สำหรับผมรู้สึกผูกพันกับนักเรียน โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีแค่ 1-2 ร้อยคน แล้วรู้สึกว่าโรงเรียนนี้มีพระคุณกับผม ผมยังทิ้งไปไม่ได้ เพราะมีช่วงนึงที่กระแสเรามา แล้วเราทำงานหนัก เด็กก็มาถาม ครูครับ ถ้าสมมติครูดังแล้ว ครูจะลาออกไหม ตอนนั้นรู้สึกน้ำตาคลอเลย เรายิ้ม เด็กเลยบอกว่าอย่าเพิ่งออกรอสอนลูกเขาไว้ก่อน มันก็เลยทำให้เราไม่ได้อยากออกจากตรงนี้