“พ่อกุญแจซอล” รับภรรยาป่วย ลูกสาวเลยกลับมาดูแม่
ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีหลังนักแสดงสาว "กุญแจซอล ป่านทอทอง บุญทอง" ลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่ "หนึ่ง นึกคิด บุญทอง" ที่ได้ตัดขาดจากครอบครัวไปนานกว่า 2 ปี เพราะมีปัญหาเรื่องลูกเขย แต่ล่าสุดก็มีภาพที่ทำให้แฟนๆ ยิ้มได้อีกครั้ง หลังครอบครัวกลับมารวมตัวอีกครั้งบนโต๊ะอาหาร โดยมี “แม่มุกดา” คุณแม่ของกุญแจซอล พร้อมด้วยน้องสาวทั้ง “แจกัน” และ “เรดาห์” นั่งร่วมโต๊ะด้วย ล่าสุดมีโอกาสเจอตัว “คุณพ่อหนึ่ง” เลยไม่พลาดที่จะถามเรื่องนี้สักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า
สำหรับ “น้องกุญแจซอล” ที่เขากลับเพราะได้ข่าวว่าแม่ป่วย เลยมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล อย่างที่ผมเคยลงไปในสื่อโซเชียล Facebook กับ IG ว่ายังไม่ได้เจอเขา แม้แต่วันเด็กก็ยังไม่ได้รูปกับลูกและหลานเลย เพราะว่าเรายังติดทำงานอยู่ แต่ก็ดีใจที่เขาได้มาเยี่ยมคุณแม่ พอเข้าช่วงหลังๆ ที่เขามาเยี่ยมคุณแม่บ่อยก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ต้องบอกว่าอดีตที่มันผ่านไปก็ปล่อยมันผ่านไปดีกว่า ให้มันเป็นความทรงจำที่ดี ถึงแม้จะอยากกลับไปปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงมันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องมองสิ่งที่จะทำในอนาคตกับปัจจุบันเป็นยังไง อยู่เป็นกำลังให้คุณแม่ เนื่องจากคุณแม่ก็ไม่สบายด้วย กำลังใจที่ดีที่สุดก็คือ ครอบครัว อยากจะให้เขาแข็งแรง เราก็เป็นกำลังใจให้เต็มร้อย
ในส่วนของคุณแม่ พอได้เห็นลูกเห็นหลานก็รู้สึกดีขึ้น เพราะเขาก็ยังเป็นสายเลือด ส่วนตัวเราตอนนี้กำลังใจมาเต็มที่สำหรับครอบครัว ซึ่งเราก็ทำงานหนัก ทุกครั้งที่กลับไปบ้านก็จะเจอครอบครัว ญาติพี่น้อง คอยให้กำลังใจเราอยู่ตลอด กับ “น้องกุญแจซอล” ยังไม่ได้คุยอะไรกันลึก อยู่ในขั้นที่กำลังปรับตัว ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับครอบครัวเรา ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการ นอกวงการ คนใกล้ชิด ซึ่งทุกคนดีใจที่เห็นภาพนี้ ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
จริงๆ เราไม่ได้โกรธหรือว่าทิฐิเลย มองว่าชีวิตเราเลือกเกิดไม่ได้ หรือคนเรามันเลือกปฏิบัติไม่ได้ ฟ้าลิขิตมายังไงก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งเราต้องพยุงกำลังใจให้ยืนยาวมากที่สุด ด้านสามีน้องเขาก็มา แต่ยังไม่ได้เจอกัน คิดว่าที่สถานการณ์มันดีขึ้นเพราะว่ามีคุณแม่เป็นตัวเชื่อมด้วย ซึ่งพวกเราคอนเซนเทรดไปถึงเรื่องอาการคุณแม่มากกว่า ด้วยความที่เขาป่วยมา 2 เดือนแล้ว
ย้อนไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ภรรยาเรามีอาการปวดท้องหนักมาก ซึ่งลูกๆ ก็พาไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล ตอนนั้นเราติดถ่ายละครอยู่ พอคุณหมอทำการเอ็กซเรย์ดู พบก้อนเนื้ออยู่ 2 ก้อน เลยทำการผ่าตัดไปเรียบร้อย ลูกก็โทรมาบอก เราเลยโล่งอก แต่คุณหมอยังไม่ให้กลับบ้าน ขอเอาชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนว่าเป็นอะไรไหม ปรากฏว่าเป็นเชื้อมะเร็งระยะที่ 4 ซึ่งมันลุกลามไปเยอะมาก ก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน จึงตอบลูกไปว่าให้กำลังใจเขา เดี๋ยวพ่อทำงานเสร็จแล้วจะรีบไป คุณหมอก็ให้เขาเตรียมตัวทำการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลา 6 ชั่วโมงเศษๆ ในการผ่าตัดครั้งนี้ ทำให้เราใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง จนกระทั่งเขาออกจากห้องผ่าตัดมา คุณหมอก็ยังไม่ให้เยี่ยม ให้กลับบ้านก่อน รุ่งเช้าเราก็มาฟังผล โดยคุณหมอก็บอกว่าเคสของภรรยาเราเป็นเคสที่แปลกมาก น่าศึกษา เพราะว่ามันไม่มีอาการบ่งบอกเลย น้ำหนักไม่ลด ทานอาหารได้ปกติ ซึ่งก็ได้เอาเชื้อมะเร็งออกไปหมดแล้ว แต่ยังเหลือที่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาจจะลุกลามไปส่วนอื่นได้ พอได้ฟังก็ 50-50 แต่ก็โอเคที่เอาออกไปส่วนหนึ่ง เขาก็พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลประมาณ 20 วัน ช่วงนั้น “น้องกุญแจซอล” รู้ข่าวก็ไปเยี่ยม
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ภรรยาเราก็พักฟื้น ก็ให้กำลังใจ ทำทุกอย่างให้เขา เพราะกำลังใจสำคัญมาก ก็ดีวันดีคืน แต่อยู่ๆ มาเขาก็มีอาการแพ้ อาเจียน หรือมีอาการขึ้นมา ก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลประมาณ 3-4 รอบ เราได้มีการปรึกษาหารือภายในครอบครัวว่าจะทำยังไงดี ก็ได้คุณหมอที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นมือหนึ่ง ปรึกษาเรื่องเคมีบำบัด ทำคีโม ซึ่งวันนี้เป็นการทำคีโมเข็มที่ 2 แล้ว ที่คุณหมอนัดจะทำทั้งหมด 8 ครั้ง อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายก็สูง ก็ต้องสู้เพื่อคนที่เรารัก นอกจากนี้ก็มีคนส่งสูตรอาหาร หรือมีอะไรที่ทำให้อาการมันดีขึ้น เขาก็บอกมา เราก็พยายามทำตาม ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ต้องช่วยๆ กัน ตอนนี้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ภรรยาเราเป็นคนเข้มแข็ง ถือว่าสุดยอด กำลังใจดี ทานอะไรได้ปกติ ไม่แพ้เคมีเท่าไร
โชคดีที่ได้อาจารย์หมอเก่ง เป็นจังหวะที่เขาแพ้น้อยมาก เป็นเคสที่แปลกเหมือนกัน ปกติจะต้องแพ้ ไม่มีแรง คุณหมอก็บอกว่าการทำต้องดูเกล็ดเลือด ถ้าเกล็ดเลือดต่ำก็ไม่สามารถทำเคมีได้ เขาก็พยายามบำรุง ทำตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่จะเข้าทำคีโม ก็ทำการตัดลำไส้ออกไปเกือบ 2 คืบ ประมาณศอกได้ ตอนนี้ก็เหลือทำคีโมอีก 6 ครั้ง
คิดว่า “กุญแจซอล” เขาก็ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวของเขาอยู่ แต่ในใจก็เป็นห่วงคุณแม่ เขาก็พยายามโทรมาเช็ก ซึ่งคุณแม่ได้บอกไปแล้ว เราก็คงไม่ได้ต้องไปบอกต่อ เป็นที่แน่นอนตอนนี้ครอบครัวต้องจับมือกันมากขึ้น ด้วยความที่เราไม่สามารถบอกได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บมันจะเจอกับตัวเราเมื่อไร ทุกคนต้องเจอหมด แค่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ได้แต่ภาวนา พยายามหมั่นทำบุญ คิดบวก ตั้งสติ มีสมาธิ ให้กำลังใจกันมากกว่า ถ้าเป็นเรื่องของ “กุญแจซอล” อยากให้ไปถามเขาเองมากกว่า ตอนนี้ภรรยาได้กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านแล้ว แต่หมอบอกว่าคนติดเชื้อต้องปลอดคน ทานอาหารที่สะอาด ให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง จะมีเราที่ดูแล และลูก ญาติที่สนิท ค่ารักษาหนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน ก็ต้องพยายามหางานเท่าที่ทำได้ แต่ก็มีส่วนที่เราเก็บหอมรอมริบไว้ “น้องกุญแจซอล” ก็ไม่ได้ช่วย มีแค่ครอบครัว