“ฟรอยด์” แจงแล้ว หลังมีข่าวดารา ฟ. มอมยา น.ศ.
หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความ เล่าว่า รุ่นพี่ในที่ฝึกงานชวนไปทานข้าวจนได้เจอกับดาราหนุ่มอักษรย่อ ฟ. จากนั้นก็ได้ยื่นเยลลี่ให้ทาน และบีบเจลล้างมือให้ ทำให้เกิดอาการมึนหัว โลกหมุน หัวใจเต้นแรง โดยเชื่อว่าต้องถูกมอมยาแน่ จะโทรหาคุณพ่อก็ถูกห้าม ขอความช่วยเหลือจากโต๊ะข้างๆ ก็ไม่มีใครช่วย เพราะเขาเห็นว่ามากับดารา จากนั้นรุ่นพี่ได้เรียก Grab Car มารับแต่ไม่ได้ปักหมุดไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ปักไปที่อื่น จนตนต้องแข็งใจบอกให้พี่ Grab เปลี่ยนจุดหมาย และโทรหาคุณพ่อตลอดจนถึงโรงพยาบาล สุดท้ายเลยอยากจะออกมาเตือนภัยให้ทุกคนระวังตัว
อ่านข่าวต่อ :
ตำรวจออกหมายเรียก นักแสดง "ฟ."
งานนี้หลังจากน.ศ.คนดังกล่าวได้ออกมาเตือนภัย หลายคนก็เลยพุ่งเป้าไปที่นักแสดงดังอย่าง “ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดเผยผ่านรายการดัง ว่า
ตนไปร้านนั้นจริง อยู่ในเหตุการณ์จริง โดยเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร ร้านนี้ผมไปกินเป็นประจำอยู่แล้ว รุ่นน้องตน คือ ผู้ชาย เดินทางมาพร้อมผู้หญิง ผมรู้จักรุ่นน้องผู้ชาย และผู้ที่กล่าวหาผม วันที่เกิดเหตุร่วมโต๊ะกัน เพราะสนิทกัน ไม่ได้นัดกัน แต่สนิทกันเลยให้ร่วมโต๊ะกันได้ สั่งอาหารมากินกันตามปกติ ในวันเกิดเหตุน้องบอกว่าหนาว ให้ปิดแอร์ ร้านก็ปิดแอร์ให้
จากนั้นมีการบอกว่า มึนหัว เหมือนจะเป็นลม ตนเองคิดว่าน้องเป็นอะไรหรือไม่ และคิดว่าเพิ่งมาจากข้างนอกอาจจะเหนื่อยหรือไปทำอะไรมาหรือไม่ จึงบอกว่ากินอะไรหวานๆ ไหม โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ทุกคนในร้านเห็นเหมือนกันหมด สามารถเรียกมาสอบถามได้ แต่ผู้หญิงยืนยันว่าอยากไปโรงพยาบาล จากนั้นมีการเรียก Grab และรุ่นน้องผู้ชายได้ออกไปกับน้องผู้หญิง ผมงงมากว่าข่าวมันมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไร ยืนยันว่าผมอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ได้ให้อะไรกิน หรือไม่ได้ออกไปด้วยแต่อย่างใด
ด้านเยลลี่ที่น.ศ.สาวได้กล่าวถึง หนุ่ม “ฟรอยด์” เผยต่อว่า ผมไม่ได้ยื่นอะไรให้กินทั้งนั้น มีแต่สั่งอาหารมากินบนโต๊ะ ก็กินด้วยกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเขากินอะไรผิดสำแดง ผมไม่รู้ว่าข้อมูลที่พูดออกมามาถึงตัวผมได้ยังไง ผมไม่ได้ให้เยลลี่หรืออะไรกิน ขนมบนโต๊ะวันเกิดเหตุมีทั้งขนมที่ผมไปเที่ยวมา ก็เอามากินด้วยกัน และที่สั่งมาจากร้าน แต่ยืนยันว่าเยลลี่ไม่ใช่ของผม ที่เดินออกมาสูบบุหรี่ น้องผู้หญิงอยู่ในร้าน เมื่อผมกลับเข้ามา น้องผู้หญิงบอกว่ามึน ซึ่งผมคิดว่าเขาไปเหนื่อยหรือร้อนมาจากข้างนอกอะไรหรือไม่ สุดท้ายน้องทั้งสองคนก็ไปโรงพยาบาลกัน ส่วนผมอยู่ในร้าน ไม่ได้ไปด้วย ส่วนที่บอกว่าคุยกับพ่อตลอดทาง รุ่นน้องผู้ชายผมเป็นคนคุยกับพ่อของผู้หญิงไปจนถึงโรงพยาบาล ส่วนที่บอกว่าปักหมุดไปที่อื่น ไม่ใช่โรงพยาบาล ผมก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนปักหมุด
ผมยินดีจะออกมาพูดเพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับผมเลย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นผมได้รับผลกระทบต่อหน้าที่การงานของผม ทางอีเว้นท์ที่ผมกำลังจะทำก็ไม่สบายใจ สุดท้ายหากมีการแคนเซิลงานของผม ก็จะมีการดำเนินการทางกฎหมายหากผมได้รับความเสียหาย ผมยืนยันว่าผมอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้มีการให้กินอะไร หรือไปกับน้องคนนี้แต่อย่างใด