“ตุ๊ยตุ่ย” รับได้บริจาคร่างกายอุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่แล้ว
ได้ทำการบริจาคร่างกายเพื่ออุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ได้แสดงเจตจำนงในการบริจาคดวงตาและอวัยวะแล้วด้วย สำหรับ “ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาติ พงศ์สุชาติ” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยให้ฟังว่า
อ่านข่าวต่อ :
"ตุ๊ยตุ่ย" ค้นหาสุดยอด "ของเด็ด ของดี ของดัง" ใน "คุณนายจ่ายตลาด"
ก็อยากเชิญชวนทุกคน ว่าสามารถที่มาสละร่างกายของเราในวันที่ไม่ได้ใช้แล้ว ไม่ใช่ว่าการไปแสดงในความจำนงในการบริจาคอวัยวะและดวงตา หรือร่างกายให้กับการศึกษาทางการแพทย์แล้ว จะต้องให้เขาไปเลยวันนั้น คือแค่ไปแสดงเจตจำนงวันไหนที่แพทย์วินิจฉัยว่าสมองตายแล้วถึงวันนั้นที่เราจะได้บริจาคอวัยวะบริจาคดวงตาจริงๆ อย่าง #organcanshare ของตนที่มีเพื่อเป็นการบอกให้คนได้เข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ ซึ่งตัวอย่างที่รู้กันท่านปรมาจารย์ทางการแพทย์เป็นผู้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจกับคนไข้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หมอไทยเก่งที่สุด แล้วคนไข้ที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจคนแรกของประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้มาร่วมพูดคุยกับตนด้วย ทำให้ตนอยากมาแชร์ต่อ คือหัวใจของพี่ที่เขามาคุยกับตนวันนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ต้องนอนติดเตียงบอกว่าแค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว เพราะเป็นโรคลิ้มหัวใจอักเสบ และอีก 6 เดือนเขาจะเสียชีวิต ทางคุณหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาแล้วนอกจากจะเปลี่ยนหัวใจ วันนั้นก็เลยมีผู้ที่แสดงความจำนงแล้วญาติก็ยินยอมว่าจะให้บริจาคหัวใจกับผู้ที่จำเป็นต้องใช้คุณหมอก็ผ่าเลยวันนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ลองคิดดูหัวใจของสุภาพสตรีอายุ 46 ปี เข้าไปเต้นอยู่ในร่างของเด็กชายที่อายุ 19 ปี ที่กำลังจะตายในอีก 6 เดือน แต่พอ 6 เดือนไปที่เขาได้ผ่าตัดจนถึงอายุ 30 ปีตอนนี้แล้วจากเด็กหนุ่มที่เคยสิ้นหวังเขาได้มาเลี้ยงดูพ่อแม่แล้วก็ได้ทำงานอยู่ในสภากาชาดไทย ได้ช่วยเหลือคนอีกตั้งเยอะ นั่นหมายความว่าถ้าแสดงเจตจำนงในวันนี้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ร่างกายก็มีเหตุจำเป็นที่จะให้ได้มันจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่กับคนไข้กับพ่อแม่ที่ต้องเฝ้าไข้เขากับสังคม หรือกับสิ่งที่มันจะเกิดเรื่องดีๆ อีกเยอะแยะ แค่ไปแสดงเจตจำนงกับสภากาชาดไทย โทร.1666
ส่วนตนทำไว้ตั้งแต่ปี 2549 ตอนนั้นทำเรื่องดวงตากับอวัยวะไว้ว่าจะอุทิศให้ แต่ว่าในวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้ขออุทิศเป็นอาจารย์ใหญ่ด้วย คือตอนแรกรู้สึกว่าไม่อยากอุทิศร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่กลัวว่านักเรียนแพทย์จะมาผ่าแล้วมาอ้างร่าง ความคิดเป็นแบบนั้นแต่พอคุณพ่อไม่สบายแล้วท่านก็เสียชีวิตท่านก็แสดงความจำนงอุทิศร่างกายเอาไว้โดยได้เล่าวินาทีที่ช่วง 9 โมงเช้า ได้เข้าไปหาคุณพ่อเข้าไปกอดไปหอมเล่นกับท่านพอวินาทีที่หัวใจค่อยๆ หยุดทำให้เห็นเลยว่าร่างกายที่เมื่อเช้ายังดีแต่สักพักท่านก็ไม่ได้อยู่แล้ว ทำให้มีความรู้สึกว่า คุณพ่อได้บรรลุถึงความสุขที่แบบแม้แต่วินาทีสุดท้ายที่ท่านจะไม่อยู่แล้วท่านยังได้ทำบุญ รู้สึกว่าพ่อไปเป็นเทวดาอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ร่างกายพอไม่ได้ใช้ไปก็เสียเปล่า มันก็เหมือนกับรถคันหนึ่งที่ไม่มีคนขับ แต่ร่างกายมันจะดีแค่ไหนการที่บริจาคเพื่อให้หมอได้เรียนรู้เพื่อที่เขาจะได้ไปรักษาคนไข้ได้อย่างแม่นยำ จากวันนั้นตนเลยรู้สึกว่าขออนุโมทนาบุญกับคุณพ่อมากๆ ที่ทำให้ลูกได้เห็นเลยคิดว่าวันที่ไม่อยู่ไปเป็นนางฟ้าแต่ร่างกายของเรายังทำงานอยู่ก็ให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียน และใครที่อุทิศร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ทางคณะแพทยศาสตร์จะมีจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอย่างยิ่งใหญ่ร่วมกับร่างของท่านผู้ใจบุญอีกมากมาย รวมทั้งมีการพระราชทานเพลิงศพด้วย ซึ่งเป็นเกียรติมาก
ทั้งนี้อย่างที่ถ้าคนเราไม่เคยได้ทำความดีอะไรเลยอย่างน้อยถ้าบริจาคร่างกายก็ได้ทำความดี และมองว่าสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวแม้แต่ร่างกายที่เรารักนักรักหนาเรายังเอาไปไม่ได้เลย หรือคนที่รักมากที่สุดตำแหน่งที่มี สิ่งแวดล้อมที่มีเกียรติยศศักดิ์ศรีมันใช่ของเราจริงๆ แล้วหรือ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย และหากยึดมั่นเกินไปยิ่งทำให้เป็นทุกข์ อยากให้ทำใจให้สบายปล่อยวางมากขึ้นให้อภัยได้ มันจะเป็นสุขใจทันที โดยการที่เราสละได้แม้แต่ร่างกายของเราในวันที่เราไม่ใช้แล้วมันทำให้เราไม่เป็นทุกข์ ส่วนทางครอบครัวอย่างคุณแม่ก็อนุโมทนาบุญที่ตนทำแบบนี้ ซึ่งตอนที่คุณพ่อเสียก็ติดต่อกับคณะแพทย์ที่เชียงใหม่ ก็ได้มีจัดการให้คุณพ่อบรรลุวัตถุประสงค์ของท่าน และการบริจาคร่างกายคนในครอบครัวต้องมีการเซ็นยินยอมด้วย อย่างของตนคุณแม่ก็ยินยอม เป็นการต่อบุญอย่างที่บอกในวันที่ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วจะปล่อยให้อวัยวะมันตายไปตามร่างกาย หรือแต่ถ้าบริจาคมันกลับจะไปสร้างประโยชน์ในร่างกายของคนอื่น