"เซฟฟานี่" ปัดเตรียมเปิดฟิตเนสหลังผันตัวเป็นโค้ชเทรนเนอร์
หันมาสนใจเรื่องสุขภาพอย่างจริงจังถึงขั้นผันตัวเองเป็นโค้ชเทรนเนอร์เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังไม่มีแพลนคิดไกลที่จะเปิดฟิตเนสเหมือนกับคนอื่น สำหรับ "เซฟฟานี่ อาวะนิค" ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยเรื่องนี้ว่า
อ่านข่าวต่อ :
“เซฟฟานี่” เล่าอุบัติเหตุกลางรายการจนต้องพักงาน 5 วัน
จริงๆ แล้วตนเป็นนักกีฬาตั้งแต่มัธยมพอเข้ามหาวิทยาลัยก็ออกกำลังกาย และเริ่มทำงานก็ต้องดูแลสุขภาพเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตอนนั้นอาจจะวิ่งอย่างเดียว พอเรียนเรื่องชีวะทำให้รู้ร่างกายของมนุษย์ทำให้สนใจและค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุ 16-17 ปีแล้ว ว่าอยากเป็นอะไรตอนนั้นจะมีปัญหากับสุขภาพเกี่ยวกับฮอร์โมนนิดหนึ่งด้วย แต่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก ก็มีเวียนหัวนิดหน่อยอยู่ดีๆ จะเป็นลม พอเรียนจบเมื่อเกือบ 2 ปีจะไปเรียนและสอบใบเซอร์ก่อนไม่งั้นคนจะไม่ไว้ใจเหมือนการเป็นหมอ ก็ต้องเรียนแล้วสอบ
โดยตอนแรกได้มีการไปปั่นจักรยาน และเป็นความบังเอิญตนเป็นลูกค้าก่อน แต่ทางฟิตเนสเปิดใหม่ก็ต้องการคนเพิ่มเขาถามว่าสนใจไหมตนก็บอกว่าสนใจเลยจับไปเทรน ตอนนี้ทำมาปีหนึ่งและก่อนหน้านี้จะเน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างเดียวแต่ไม่พอต้องมีการยกเวทด้วยก็แล้วแต่เป้าหมายของคน ซึ่งผู้ชายอยากตัวใหญ่แต่ผู้หญิงอยากฟิตเฟิร์ม ส่วนตัวเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วเลยทดสอบแบบไหนที่ดีสุด
และอยากเปลี่ยนชีวิตคนอื่นด้วย โดยตั้งแต่เริ่มออกกำลังกายปั่นจักรยานมาลูกค้าที่มาปั่นก็รักและสุขภาพดีมากไม่ใช่แค่น้ำหนักที่ลดลงอย่างเดียว เรื่องความเครียด เรื่องสุขภาพจิตก็ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ตนได้เป็นลูกค้าอีกที่หนึ่งด้วยตอนนั้นเป็นเวทเทรนนิ่งอยู่พอเขาเห็นว่าแข็งแรงถามสนใจเป็นโค้ชไหม ก็สนใจเลยตัดสินใจทำ ถ้าให้เรียกก็เป็นโค้ชเทรนเนอร์และมีสอนแบบตัวต่อตัวด้วย ส่วนตัวไม่ได้ประกาศอะไรหลายคนเลยยังไม่รู้ ซึ่งการออกกำลังกายหนึ่งวันหนึ่งชั่วโมงพอแล้ว และส่วนตัวก็ไม่ได้ออก 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ตอนสอนก็ต้องปั่นไปด้วย อย่างในกรุ๊ปคลาสก็ไม่ได้เล่นด้วยแค่ปรับท่าให้ถูกต้องทุกคนในกรุ๊ปก็มีความรู้อยู่แล้วไม่ต้องอะไรเยอะแค่ดีไซน์โปรแกรม แต่คนที่มาให้สอนแบบตัวต่อตัวจะต้องสอนแบบที่เขาชอบแล้วแต่เขาอยากได้ก็จะเขียนโปรแกรมให้เขาเลย
ส่วนเป้าหมาย ก็เพิ่งเริ่มไม่อยากคิดจะเปิดฟิตเนสมองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ต้องเก็บประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ ตัวเทรนเนอร์เองก็มีหลากหลายความคิดของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป อย่างตนอะไรที่ดีที่สุดสำหรับร่างกาย และสามารทำได้ตลอดไปนี่คือสิ่งที่ดีที่สุด อย่างที่บอกขอเก็บประสบการณ์และขอเปลี่ยนชีวิตคนอื่นที่ให้ได้มากที่สุดก่อน ส่วนตัวก็ต้องออกกำลังกายพอประมาณ เพราะเป็นเกี่ยวกับฮอร์โมนและการทานสำคัญ จะบอกกับลูกค้าตลอดเรื่องนี้ต้องเลือกทานด้วยถ้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่งั้นต้องยอมรับความจริง ว่ามาออกกำลังกายแล้วไม่เปลี่ยนอะไรเลยถ้ายังทานเยอะอยู่ ไม่ใช่เป็นความผิดของโค้ชเป็นตัวคุณเองที่ไม่ดูแล พร้อมเผยที่มาทำก็อยากช่วยเหลือคนอื่นด้วยไม่ว่าจะมีปัญหาหัวใจ ข้อเข่าเสื่อม หรือปวดหลัง โดยเฉพาะเกี่ยวกับออฟฟิศซินโดรมจะมากันเยอะมาก แต่ภายใน 3 อาทิตย์ก็ดีขึ้นถ้ามาออกกำลังกาย
