"ฟิล์ม" ปัดตนไม่ใช่ซุป'ตาร์ ไม่มีกฎ เป็นคนเดินดินธรรมดา
เข้าไปพบท่านนายกฯ เพื่อเตรียมร่วมรายการเดินหน้าประเทศไทย สำหรับหนุ่ม "ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ" ที่ตอนนี้กระแสกำลังมาแรงสุดๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกหลังจากที่ได้พบท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง และดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าตัวจะกลายเป็นซุป'ตาร์ถึงขั้นแฟนคลับมีการตั้งกฎต่างๆ เมื่อเจอหนุ่ม "ฟิล์ม" อีกด้วย งานนี้เจ้าตัวขอชี้แจงว่า
ไปพบท่านนายกฯ มาก็ตื่นเต้น ตอนแรกแอบเกร็งๆ ลุงตู่นิดหน่อย แต่ท่านนายกฯ ใจดีมาก พูดคุยเป็นกันเองมาก ขอบคุณที่ให้มาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินรายการเดินหน้าประเทศไทย ได้เป็นจุดเชื่อมระหว่างทางภาครัฐและทางประชาชนได้เข้าถึงกันและกันมากขึ้น ท่านนายกฯ ก็มุกเยอะ แค่เมื่อวานผมยังไม่โดน ละครที่เราเล่นท่านบอกว่าท่านไม่ได้ดู เพราะงานเยอะ อาจจะมีดูผ่านๆ บ้าง ก็เข้าใจ เพราะท่านงานเยอะมากจริงๆ เมื่อวานท่านก็ไม่ดุ แต่มีเล่นมุกกับคนอื่นมากกว่า ส่วนรายการออกอากาศวันไหน ตอนนี้คุยๆ กันอยู่ แต่ยังไม่ได้อัดรายการ ต้องมีไปซ้อมก่อนนิดนึง เป็นพิธีกรเต็มตัวครั้งแรก น่าจะไปจังหวัดที่เป็นเหมือนเมืองรองที่ทางรัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจังหวัดไหน ถือเป็นบทบาทและความท้าทายใหม่ แต่ก็อยากลองทำดู ไม่รู้ว่าจะออกมาดีถูกใจทุกคนแค่ไหน
สำหรับเรื่องกฎเหล็กแฟนคลับที่ออกมา เข้าใจแฟนคลับนะว่าเขาเห็นเราทำงานหนัก เขาก็เป็นห่วงว่าเราโดนไฟมาก ห่วงเรื่องสายตา แต่สำหรับตัวผมไม่ได้มีกฎอะไรเลย เป็นปกติ เป็นคนเดินดิน เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เท่าเทียมกับทุกคน ตกใจไหม ก็นิดนึง เห็นมีคนส่งมาก็เข้าใจทั้งทางแฟนคลับว่าคงเป็นห่วง แต่ว่าอาจจะด้วยการใช้คำที่ไม่ถูกต้องเลยเกิดการเข้าใจผิด แต่ว่าเราเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง กับทางแฟนคลับก็ยังไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ ส่วนเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีกฎอะไรทั้งสิ้น ทุกวันนี้ใครมาขอถ่ายรูปก็ให้ถ่ายปกติเลย ถามว่ากลัวได้ฉายาซุป'ตาร์เทวดาไหม ไม่อยากเป็นแบบนั้น อยากเป็นคนธรรมดามีความสุขกว่า หลังจากที่ได้เห็นก็มีการคุยกับแฟนคลับ และปรับความเข้าใจกันแล้ว ทุกฝ่ายก็โอเค มันไม่ได้มีกฎตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนตั้งกฎขึ้นมา เรื่องแฟนคลับรุมก็มีบ้าง แต่ตัวผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เดือดร้อนอะไร เข้าใจความรู้สึกแฟนคลับ บางทีเราไปต่างจังหวัดเขามีโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เจอเรา เขาก็อยากมาเจอ จับมือ หรือได้ถ่ายรูป ถ้าเราทำให้เขาได้เราก็ทำเต็มที่
ส่วนเรื่อง "หน้ากากแก้ว" เมื่อวานถ่ายคิวแรกก็ตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ ทุกครั้งที่เราเป็นตัวละครใหม่มันก็จะเกิดความท้าทายใหม่กับตัวเอง แอบกดดัน แต่พยายามเปลี่ยนความกดดันเป็นแรงผลักดันมาพัฒนาตัวเองมากกว่า มาถ่ายละครอีเว้นท์ก็คงน้อยลง เราอยากเต็มที่กับงานละคร เพราะจุดเริ่มต้นของเราคือนักแสดง เราก็อยากทำงานหลักของเราให้ดีก่อน เสียดายไหม ย้อนกลับไปคนรู้จักเราเพราะงานละคร ผมก็ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะว่ามันเป็นโอกาส หลังจากนี้ก็คงเพลาๆ อีเว้นท์ลง อยากเต็มที่กับละครมากกว่า