“จัสติน” ฟอร์มวง “The Drive” ปล่อยซิงเกิ้ลแรก “ปลอม” เอาใจแฟนเพลง
เพราะว่าดนตรีมันอยู่ในสายเลือด ล่าสุด “จัสติน ผ่องอำไพ” นักร้องหนุ่มหน้าเข้ม เจ้าของเพลงดังอย่าง อยู่ไม่ไหว, น้ำท่วมปาก หรือ นาทีนี้ ได้ผันตัวจากศิลปินเดี่ยวมาทำวงร่วมกับเพื่อนๆ อย่างเป็นทางการ โดยมีอีก 4 หนุ่ม ปิง (กลอง), ไผ่ (คีย์บอร์ด), คิว (กีตาร์) และ ก้าน (เบส) มาร่วมสร้างสรรค์เพลงเพราะให้แฟนๆ ได้ติดตามเป็นเพลงแรกเป็นที่เรียบร้อย อย่าง “ปลอม” ซิงเกิ้ลชวนดราม่าของคนที่เจอความรักไม่จริง ส่วนเบื้องหลังการทำงานเพลง และการฟอร์มวงจะเป็นอย่างไรนั้น พวกเขาได้มาอัพเดทให้ติดตามกัน
ตอนนี้เพิ่งปล่อยเพลงใหม่ออกมา เป็นซิงเกิ้ลแรกของวง ชื่อเพลงว่า “ปลอม” เนื้อหาเพลงนี้แต่งมาจากชีวิตจริง ตอนแรกแต่งมาเป็นภาษาอังกฤษ พวกเราเขียนเพลงนี้มาปีนึงแล้ว ตอนแรกเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็มาแปลเป็นภาษาไทยกับ “พี่เอก Season Five” แล้วก็ “พี่ยักษ์ วง Clash” ได้มาช่วยพวกเราคิดกันว่ามันควรจะเป็นยังไง เนื้อเพลงเป็นความรู้สึกแทนตัวเราว่าเราทุ่มให้เขาหมดใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือไม่มีอะไรจริงเลย ตอนนั้นก็เหมือนเราทุ่มให้ใครคนนึง เหมือนทุ่มความรักให้เขา แล้วมาเจอว่าวันนึงมันไม่ใช่อย่างนั้น สำหรับเขา เขามีคนอื่นแล้ว เลยเป็นคำว่า “ปลอม”
สำหรับการรวมตัวของพวกเรา เรามารวมตัวกันได้เพราะแต่ก่อน “จัสติน” เป็นศิลปินเดี่ยว เราก็แบ็คอัพเขาอยู่แล้ว ก็เล่นกันมา 2 ปี ต่างคนก็ต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง พอมารวมกัน ซ้อมเยอะๆ แล้วก็อยากมีสไตล์และพื้นที่เป็นของตัวเอง เราก็เลยรวมตัวกัน ตอนแรก “ปิง” เล่นดนตรีกับ “ก้าน” เพราะเราเรียนที่เดียวกับก้านตั้งแต่มัธยม ก็เล่นดนตรีมาประมาณจนถึงมหา'ลัยครับ ไปเจอ “พี่คิว” ครับ ตอนนั้นพี่คิวเป็นรุ่นพี่ก้านอีกทีนึง ตอนแรกเล่นกันอยู่แค่ 3 คน แล้วก็มาเจอ “จัสติน” ก็ได้วงมาเป็นแบ็คอัพให้ แล้วมาเจอ “พี่ไผ่” เพราะตอนแรกที่ตัดสินใจเอา “พี่ไผ่” เข้ามาเพราะเขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดของเราแล้ว
ด้านแนวเพลง ทุกคนก็ฟังมาคล้ายๆ กัน แต่ก็มีบางอย่างไม่เหมือนกันด้วย ทุกคนเป็นนักดนตรีแจ๊สมาก่อน แล้วก็ออกแนวทาง alternative rock นิดนึง ก็ต้องมาจูนกันนิดนึง แต่ว่าพอจูนกันได้แล้ว เวลาเล่นด้วยกันแล้วมันก็สนุก คือเล่นด้วยกันมานานแล้ว เหมือนเวลาไปเล่น ไปออกคอนเสิร์ต แล้วมันชินกัน แล้วก็เริ่มรู้แล้วว่าโอเค ต้องเล่นทุกคน มีความรับผิดชอบ แต่มันใช้เวลา ปีที่แล้วจริงๆ ก็ตัดสินใจ ตอนแรก “จัสติน” ก็ยังไม่รู้ว่าจะร้องเพลงต่อหรือเปล่า ก็ออกมาจากค่าย ตอนนั้นนึกว่าเราจะเลิกแล้ว แต่สุดท้ายก็ลองดูอีกสักตั้ง เลยมาลองคุยกันดูว่าทำวงดูไหม เอาอีกครั้งไหม ใส่ให้มันเต็มที่ ถ้ามันไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้ทำ เราก็เลยโอเค ตัดสินใจโทรหา “พี่โอ๊บ Music Move” เพราะว่าเราก็รู้จักและชื่นชมผลงานของเขามานาน และเขาเป็นหัว เลยลากเราเข้ามาได้
การทำงานกับค่าย “Music Move Records” เป็นค่ายที่ผมว่าจริงจังกับการทำงาน เหมือนเขาทุ่ม 100% เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ถ้าเขาทุ่มกับเรา เราก็ทุ่มกับเขา ส่วน “พี่ยักษ์” นี่คือวง “Clash” เราก็ติดตามมาตั้งแต่แต่ 8-9 ขวบ อยู่ๆ เขาก็เข้ามาแต่งเพลงกับเรา 12 ชั่วโมง มันเป็นอะไรที่ตลก แล้วก็ไม่คาดคิดว่าจะได้มาแต่งเพลงกับคนๆ นี้ แล้วก็ “พี่เอก Season Five” พี่เขาเก่ง ได้เขามาช่วยก็ดีใจ รู้สึกว่าได้ประสบการณ์ที่ดีมากที่คนอื่นอาจจะไม่ได้โอกาส แต่เรารู้สึกดีมากที่ได้มาอยู่ตรงนี้
ส่วนการทำ mv รอบนี้ก็คือค่อนข้างจะฉีกกฎของ mv ทั่วไป คือ mv ไทยส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาดราม่า แต่ว่าของเรานี่ค่อนข้างที่จะทำให้ออกแบบอินเตอร์เลย เป็นฝรั่ง ก็คือจะคล้ายๆ กับของต่างชาติเขาเลย คือถ้าดูของต่างประเทศก็จะคล้ายกันเลย ผมรู้สึกดีใจกับ mv ที่ออกมา มันเป็นอะไรที่พวกเราอยากจะสนับสนุนแนวแบบนี้ครับ คือความคาดหวังเราได้คาดหวังไปหมดแล้ว ใส่ไปกับการทำงานและการสร้างเพลงขึ้นมา
สิ่งที่คาดหวังคือการได้ทำเพลงนี้สำเร็จ มันก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆ แล้ว ที่เหลือผลหลังจากนั้นก็แล้วแต่คนฟัง เพราะว่าไม่ว่าจะเพลงนี้หรือเพลงหน้าเราก็จะค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ แค่อยากทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ อยากไปเล่นสด อยากไปร้องเพลง อยากไปเล่นดนตรีให้คนฟังเรื่อยๆ พวกเราแค่อยากทำอาชีพนี้ไปเรื่อยๆ คนฟังน้อยหรือเยอะก็ดีใจแล้ว เพราะเราภูมิใจกับผลงานที่ออกมา ส่วนจะได้อะไรจากเพลงนี้ ก็อยากให้คิดว่าดนตรีไทยไม่จำเป็นต้องแนวใดแนวนึง มันมีหลากหลายแนวดนตรีได้ เราหวังว่าผลงานที่เราทำออกมามันจะเป็นแนวดนตรีที่แบบคนไทยไม่มี หรือว่าไม่ค่อยมี อยากทำอะไรที่มันใหม่ ความคิดของเด็กรุ่นใหม่ ไม่อยากให้คิดเป็นวิธีเก่าๆ
สำหรับผลงาน ตอนนี้ก็มีเดโมไว้ 3-4 เพลง เสร็จเมื่อไหร่ก็ได้ออกเมื่อนั้น ยังไม่มีแพลนว่าจะออกตอนไหน แต่ว่าปีนี้น่าจะได้เจอกันอีกแน่นอนครับ เราทำอยู่เรื่อยๆ เราไม่หยุดทำงาน ถ้าสมัยนี้ก็จะยิ่งใหญ่ ถ้าได้ออกอัลบั้ม มันจะยากมาก ไม่เหมือนยุคที่แล้ว ได้ ep. เราก็ดีใจแล้ว 5 เพลงก็โอเคแล้ว เล่าเรื่องทางดนตรี เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่ได้โอกาสมาเป็นนักเล่าเรื่องประสบการณ์ของทุกคนให้คนอื่นได้ฟัง
ใครที่รู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ถ้าเวลาเขาได้ฟังเพลงของเรา เขาก็อาจจะแบบเออ... เราไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ จะได้รู้สึกไม่เดียวดาย เพลงพวกนี้ที่พวกเราเขียนส่วนใหญ่ก็แปลแล้วเป็นภาษาอังกฤษ เราก็เลยคาดหวังว่าเราจะปล่อยมาเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่ว่าคงอยากให้ประสบความสำเร็จเพลงไทยก่อน แล้วเราค่อยไปตลาดตรงนั้นได้ เป็น 5 เพลงไทย อีก 5 เพลงเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ เพราะว่าตอนนี้เราไม่มีกรอบอะไรเลย เราสามารถทำอะไรก็ได้ เลยรู้สึกสบายใจ
เรื่องส่วนอัดคือ เพลงที่เราทำก็คือไปหมกตัวอยู่ในสตูดิโอก่อน คือทำงานกับคอมฯ ก่อน วางโครง พอโครงชัดแน่นอนประมาณนี้และก็อัดจริง แล้วขั้นตอนการอัด ผมก็อัดกลองครั้งแรก ก็คือเพลงนี้มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องเรียนรู้ ผมก็ไม่ค่อยได้อัดมาก่อน พออัดมันก็ยากเหมือนกัน กว่าจะได้เสียงที่ดีมาในการตีแต่ละครั้ง พอผ่านไมค์ออกไปแล้วถูกบันทึกลงไปแล้วมันรู้สึกมันต้องดีกว่านี้หรือเปล่า เลยมีความกังวลตรงนี้นิดนึง แต่ระยะเวลาในการอัดใช้เยอะเหมือนกันครับ
สำหรับพาร์ทกลองก็ 6 ชั่วโมง จริงๆ ต้องขอบคุณ “พี่โอ๊บ” ก่อนเลยว่าจริงๆ แล้วเหมือนว่าตัวผม ผมก็เล่นด้วยตัวผมเองมาตลอด ไม่เคยมีโค้ช ไม่เคยมีอะไร พอได้ “พี่โอ๊บ” มาเขาก็บอกเรา บางทีเราเกินไป เราเยอะไป ทุกย่างต้องกลับมาในจุดที่พอดี ต้องลดลงมาทุกอย่างเลย ไม่เน้นให้เก่ง แต่เราเล่นเพื่อให้มันเพราะ กีตาร์ก็สนุกมาก ก็จะมี “พี่โอ๊บ” คอยใช้คำพูดที่ดีสอนเรา เพื่อผลักดันให้ดีขึ้นมากกว่า แทบจะเป็นพ่อในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงนึง สอนมากกว่าเรื่องในห้องอัด เขาสอนเกี่ยวกับชีวิต เบสกับกีตาร์ก็จะคล้ายกัน ก็จะมีคนคอยดูตลอด แล้วก็จะมีไอเดียต้นไอเดียที่เราคิดกันมา ก็จะมีคนปรับว่าตรงนี้ดีกว่านะ บางทีเราโฟกัสกับตรงนั้นมากๆ เราก็เหมือนเบลอว่ามันควรจะเป็นยังไง ก็ถือว่าใช้เวลานาน
เพลงนี้เสร็จได้ก็รู้สึกโล่งอก ส่วนเรื่องร้องเพลง รู้สึกว่าเป็นเพลงทำแล้วสบายที่สุด เป็นเพลงที่เราเขียนเอง เขียนเมโลดี้ เขียนคอร์ดมาเอง มันก็เลยรู้สึกว่า โอเคร้องเพลงแล้วไม่อึดอัด สนุกกับมัน ไม่ได้เครียดอะไร การเล่นดนตรีกับการอัดมันไม่เหมือนกันเลย การเล่นดนตรีก็คือสนุกกับมัน ส่วนการอัดเหมือนกับการบรรจงลงไปแต่ละอัน แล้วเราเล่นไม่ดีขนาดไหนเขาก็คอยมาโค้ชเรา ก็มีคนคอยช่วย แต่พี่โอ๊บนี่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องท่อน เรื่องลูกส่งที่แกคอมเมนต์มายากเหมือนกัน
ทิ้งท้ายฝากผลงานเพลง “ปลอม” และติดตามใน IG พวกเรา the drive_official หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจ ชื่อว่า the drive by Justin ตามพวกเราได้ ถ้ามีแฟนคลับส่งข้อความพวกเราก็จะตอบกลับ