"เจ" เปิดใจอาการโรคซึมเศร้า หลังลูกชายห่างอกครั้งแรก

"เจ" เปิดใจอาการโรคซึมเศร้า หลังลูกชายห่างอกครั้งแรก

         หลังจากมีข่าวออกมาว่าหนุ่ม "เจ เจตริน วรรธนะสิน" เคยมีอาการโรคซึมเศร้าเมื่อสามปีก่อนที่ลูกๆ ต้องเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก งานนี้เมื่อเจอเจ้าตัวก็ให้มาอัพเดตประเด็นนี้กันสักหน่อย

         โรคซึมเศร้ามันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น มันเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนที่น้องเจ้านายเจ้าขุนไปครั้งแรก แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าแต่เป็นโรคร่าเริงผิดปกติ ตอนนั้นมันสามปีที่แล้วตอนที่ลูกไปใหม่ๆ มันธรรมดาเราก็อยู่กับลูกเราทุกวัน เล่นกับลูกเราทุกวัน แล้วอยู่ดีๆวันนึงลูกไปแล้วมันเหงาผมว่ามันเกิดจากความกังวลมากกว่า ตอนนั้นมันเซงๆ เกิดความรู้สึกแบบว่าทำอะไรก็ไม่สนุกเป็นอยู่ 2-3 อาทิตย์

         พอสักพักเราก็ไปหาหมอว่าเป็นอะไร การไปหาจิตแพทย์อยากบอกทุกคนว่าคือการไปนั่งคุยเรียงลำดับให้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็เลยได้ความคิดใหม่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นมันเลยบำบัดด้วยตัวเองพอมันก็เลยคิดใหม่พอ2-3อาทิตย์ มีวันหนึ่งตื่นมาก็หายละ มีวันหนึ่งไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศลาวไปค้างคืนแล้วปิ่นไปด้วยแล้วพอตื่นมาแล้วรู้สึกว่ามันหายแล้วก็คิดได้ ทุกวันนี้ทุกครั้งที่น้องๆไปก็เป็นหมดเวลาใครจะไปไหนก็จะเป็นทุกครั้งเวลาส่งลูกขึ้นเครื่องบิน เราก็จะลุ้นจะไม่นอนพอประมาณตีสามตีสี่ เครื่องกว่าจะลงที่อังกฤษก็ต้องมานั่งลุ้นว่าลูกถึงหรือยัง พอลูกถึงโรงเรียนแล้วคือหายเลย ไม่ต้องกินยา

         ตอนนั้นก็กลัวเหมือนกันจำได้ว่าเป็นอยู่ 22 วัน พอมันหายขึ้นมาก็หายเลย ก็เลยเข้าใจถึงคนที่เป็นอาการนี้หรือที่เห็นตามข่าวเราเข้าใจบางทีมันเกิดอาการเหงาเศร้าอาการโดดเดี่ยว สิ่งที่ผมหายอาจจะไปหาหมอสุดท้ายมันคือคนมานั่งคุย หรือครอบครัว เพื่อน เราอย่าไปเก็บไว้คนเดียวให้แชร์หรือแบ่งปัน แล้วสุดท้ายเราค่อยๆเรียงเรื่องของความกังวลที่เรามาเราค่อยๆขจัดความกังวลนั้นไป อันนี้ผมคิดว่าแก้ไขมันได้ด้วยการปรับด้วยตัวเอง ตอนนี้พอลูกโตขึ้นเริ่มบริหารตัวเองได้หมดแล้ว ลูกๆ ก็ทราบทุกคนก็พยายามส่งข้อความตลอดว่าโอเค ทุกคนในบ้านก็รู้แล้วก็จะเป็นเรื่องขำๆของในบ้าน

        เราก็ไม่เคยคิดว่าจะมามีความรู้สึกซึมเศร้าได้ขนาดนี้ คือกินยามันเป็นยาคลายเครียดที่คุณหมอให้ ถ้าถามว่าจะกลับมาเป็นอีกไหมผมหวังว่าคงไม่เป็น พอลูกจะกลับสองวันก่อนลูกกลับคงรู้สึกว่าเซงธรรมดา ส่วนที่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเกินตอนนี้อายุเลขสี่แล้วยังเล่นคอนเสิร์ตทุกคืนเรากระปรี้กระเปร่านะแต่มันก็ปรับระดับอารมณ์ตัวเองขึ้นๆลงๆ ก็เลยเป็นโรคกระปรี้กระเปล่าแล้วก็เลยต้องดูแลตัวเอง พยายามนอน6-7ชั่วโมง ทานอาหารดีๆ