ฟังจากปาก “โด่ง AF” เผยนาทีรถถูกกรีดรอบคัน
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดช็อคสำหรับพิธีกรหนุ่ม “โด่ง ศิระ รัตนโภคาสถิต” หรือ “โด่ง AF” ที่ล่าสุดถึงกับงงเมื่อรถที่ตนเองจอดเอาไว้ที่คอนโดโดนกรีดเสียหายรอบคัน เมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าตัวหนุ่ม “โด่ง” ได้ชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังโดยละเอียดว่า
สำหรับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ คือรถของตนโดนกรีดเละเกือบรอบทั้งคัน ทางฝั่งคนขับยาวจนถึงท้ายรถ ก็งงใครกรีดรถตน ก็มีไปเช็กกับเจ้าหน้าที่คอนโดว่าใครทำ ซึ่งวันก่อนเอารถไปใช้ก็จอดที่คอนโด ก็ขอดูกล้องวงจรปิด เป็นภาพผู้หญิงคนนึงพยายามเข็นรถของตนเอง แต่เข็ดไม่ไหว ก็เดินหงุดหงิดและก็เริ่มกรีดรถเลย ขูดๆๆ ลากยาวไปจนท้ายรถ เป็นแถบยาว หลังจากนั้นก็มีผู้ชายคนนึงเดินมาช่วยเขาเข็นก็สามารถเข็นได้ปกติ ซึ่งคิดได้ว่าเขาน่าจะหงุดหงิดเพราะเป็นช่วงเวลาทำงาน แล้วรถออกไม่ได้
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่รถตัวเองและขับรถหายออกไปเลย ก็สืบใช้เวลา 2 วัน ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเช็กทะเบียนรถ ซึ่งเขาเป็นผู้เช่าของคอนโดก็หาเบอร์ ทางเข้าไม่มีโทรขอโทษ แต่ให้แม่โทรหานิติบุคคลด้วย ไม่ได้โทรตรง ตนเองก็อยากติดต่อกับคนที่กรีดรถ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุย
ทางคุณแม่เขามีโทรมาคุยก็แจ้งไปว่าสิ่งที่ลูกสาวทำต้องรับผิดชอบ แม่เขาก็ตอบกลับว่าแค่ขูดรถทำไมต้องอาฆาตแค้นขนาดนี้เลยหรอ และเขาไม่อยากให้ตนแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน คือคุณแม่ไม่อยากเอาชื่อลูกเกี่ยวข้องกับตำรวจเลย ตนเองก็มีลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากให้เรื่องราวอยู่กับตำรวจ เพราะคลิปต่างๆ ก็เป็นหลักฐานชัดเจน ทางฝั่งแม่ก็อยากให้ใช้ชื่อแม่แทนลูกสาวได้ไหม ตนเองก็บอกจะเอาชื่อแม่รับผิดได้อย่างไง เรื่องก็จบไป
ล่าสุดช่วงเย็นก็มีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์ใต้คอนโด และทางพี่สาวเห็นก็โทรกลับมา ก็ยังไม่ใช่เจ้าตัว ก็มีโทรมาบอกน้องคนกรีดเป็นคนใจร้อนและยังเด็ก ขอไม่ให้แจ้งความได้ไหม ขอให้เชิญสื่อกลับ เขายอมรับผิดทุกอย่าง เขายอมเสียตัง แต่มันยังไม่จบเพราะตนเองนัดเจอกับเขาที่สน. พรุ่งนี้
ตนเองกับภรรยาไม่ใช่อาฆาตแค้นขนาดนั้นแค่อยากให้เขาสำนึกผิดและรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณทำไปแล้ว ค่าเสียหายต่างๆ ประมาณ 3 หมื่นบาท ก็ต้องซ่อมรถให้ตนในส่วนที่พัง ก็ไปประเมินราคามาเรียบร้อยแล้ว ราคาสามหมื่นบาท เขาเองยังไม่มีคุยด้วยตัวเอง มีแต่แม่กับพี่สาว ตนเองยังไม่เห็นหน้าเขาเลยว่าเป็นใคร หน้าไม่เคยเห็นเลย
ส่วนเรื่องหลังจากนี้มีระมัดระวังขึ้นไหมเท่าที่คุยกับพี่สาวเขาก็เข้าใจว่าน้องสาวผิด เขาก็รับผิดชอบ ส่วนตนเองไม่กลัวอะไรเพราะไม่ได้ผิด ซึ่งตนเองอยู่นานมาแล้วเกือบ 4-5 ปีในคอนโดนี้ ก็เพิ่งเจอครั้งนี้ ตนเองก็ใช้ชีวิตปกติ ถ้าฝั่งนั้นยอมรับผิดก็จบไป ซึ่งพรุ่งนี้ต้องรอดูว่าเขาไปไหม แต่หลักๆ แม่เขาขอไม่ให้แจ้งความ แต่เรื่องเกิดแล้วยังไงก็ต้องมีตำรวจเป็นคนกลางที่ช่วยคุย ถ้าคุยกัน 2 ฝ่ายเกิดคุณแม่เบี้ยวขึ้นมา ไม่จ่ายค่าเสียหายจะทำอย่างไง ก็ต้องให้ตำรวจช่วยเป็นฝ่ายรับรู้ด้วย ตามกฏหมาย ตามตัวเงินค่าซ่อมรถจริงๆ