“โอม” แจงเหตุเข้าช่วยเหลือ “น้องเกด” กรณีโดนกลุ่มชายหนุ่มรุมทำร้าย
จากกรณีในเฟซบุ๊คมีการออกมาโพสต์คลิปชายวัยรุ่นได้ทำร้ายร่างกายคนขับแท็กซี่และลูกสาว เนื่องจากเพื่อนของวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์ไปชนรถแท็กซี่ที่ขับมารับลูกสาวหลังจบคอนเสิร์ต “ค็อกเทล” จนได้รับบาดเจ็บ แต่ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวไม่เชื่อว่าเพื่อนจะเป็นฝ่ายไปชน จากนั้นได้มีการปะทะคารมกับทางคู่กรณี ก่อนที่จะตรงเข้ามาทำร้ายคนขับแท็กซี่และลูกสาวจนได้รับบาดเจ็บ ทำให้ทางหนุ่ม “โอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ” หรือ “โอม cocktail” ออกมาบอกว่าจะขอช่วยเหลือเด็กสาวรายนี้ และก่อนหน้าที่ทางหนุ่ม "โอม" บอกว่าหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์มาหลายรอบแค่ครั้งนี้ยินดีออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่เข้าไปช่วยเหลือโดยเจ้าตัวเผยว่า
ที่ไปช่วยเพราะน้องมาดูคอนเสิร์ตตนจึงเป็นห่วงในเรื่องนี้และไม่มีเจตนาจะให้เป็นเรื่องเป็นราวยิ่งใหญ่ ซึ่งก็รู้จักกันประมาณนึงเพราะวันก่อนน้องเพิ่งขึ้นไปร้องเพลงด้วยกันบนเวทีที่ร้านแห่งหนึ่งจึงคิดว่าเคยเห็นกันบ่อยๆ ถ้าให้ความช่วยเหลืออะไรได้ก็ทำ ตัวเราพยายามขีดเส้นใต้ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือและชดเชยความเสียหายมากกว่าเรื่องประเด็นการทำให้ผิดให้เป็นไปตามกฏหมาย
เหตุการณ์ในวันนั้นตนบอกว่าเห็นทั้งหมดเพราะรถของตนเพิ่งออกไปได้เพียงแค่ห้านาทีแล้วน้องอยู่ในกลุ่มที่เป้นกลุ่มแฟนเพลงเขาจะคุยกันอัพเดทกันว่าเกิดเรื่องขึ้น พอทราบก็ไม่ได้คิดอะไรแต่มีทนายที่รู้จักสนิทกันก็ส่งไปช่วย ถ้าพูดตามตรงจริงๆ ก็คือคดีทำร้ายร่างกายเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจแต่ไม่ใช่คดีที่มีความยากซับซ้อนจึงช่วยเหลือให้ความเข้าใจธรรมดาไม่มีอะไร ถ้าถามว่าตกใจไหมตนบอกว่าก็ตกใจส่วนคดีเป็นยังไงทุกคนก็คงจะทราบจากข่าว
ส่วนทางด้านตัวน้องเองสุขภาพก็ดีขึ้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ที่ตนเข้าไปช่วยเหลือจริงๆ แล้วตนบอกก็อึดอัดใจที่จะตอบเพราะไม่ได้อยากได้มุมที่ตนเป็นคนไปช่วยคนหรืออะไรแบบนั้น แต่ประเด็นที่ตนรู้สึกก็คือตอนเกิดเรื่องตนอยู่ตรงนั้นแล้วรู้จักกันแล้วเราช่วยอะไรได้ก็ช่วยไม่ได้คิดอะไรที่รู้จักเพราะเห็นเป็นแฟนเพลงมาดูโชว์เราสองสามครั้งแล้วเหตุการณ์มันเกิดเกี่ยวโยงกัน สมมุติว่าถ้าวันนั้นเขาไปดูคอนเสิร์ตอื่นที่ห่างออกไป 20 กิโลก็ไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรถ้าเขาไม่ได้มาขอความช่วยเหลือโดยตรงก็อาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรแล้วจะไปแทรกแซงเลย
ในกระบวนการยุติธรรมทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้มากแล้วเวลาเราเข้าไปส่วนมากบอกถ้าน้องมีอะไรลำบากบอกนะเราก็จะได้ช่วย แล้วน้องก็บอกอยากได้ทนายเราก็ช่วยส่งไปในเรื่องของรูปคดีไม่ได้เข้าไปยุ่งให้ทนายเป็นคนดูแลดีกว่าเราก็ได้แต่อธิบายไปว่าขั้นตอนเป็นอะไรยังไงเพราะหลายๆ ครั้งที่เกิดคดีความผิดทางอาญาหลายคนมักจะมีความวิตกว่าเราอยู่ในขั้นตอนไหนทำไมเจ้าหน้าที่ยังไม่จัดการจริงๆ แล้วในกฏหมายในวิธีพิจารณาความอาญามันมีความละเอียดในขั้นตอนของมันอยู่ว่าทำไมถึงต้องให้แต่ละขั้นตอนค่อยเป็นค่อยไป เพราะฉะนั้นการอธิายให้น้องฟังเป็นการช่วยลดทอนความเครียดลงนั้นคือสิ่งที่ผมช่วยได้ดีที่สุด ส่วนเรื่องคดีเป็นการทำร้ายร่างกายไม่ได้มีความซับซ้อนยังไงทนายก็ต้องตามได้เราไม่ได้มุ่งหมายว่าเราต้องเอาชนะขอให้น้องได้เยียวยาในสิ่งที่น้องได้รับ
สำหรับในฐานะศิลปินแล้วมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นในคอนเสิร์ตตนบอกก็รู้สึกแย่ ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นบางคนก็จะบอกว่าเราโลกสวยแต่ถ้าโลกห่วยๆ เราจะฝันถึงทำไมเราก็ต้องฝันถึงโลกที่สวยกว่า ปกติไปเล่นคอนเสิร์ตก็มีเหตุการณ์แบบนี้บ้างประปรายคนเรามีอุปนิสัยต่างกันบางครั้งก็มีอารมณ์เสียอารมณ์รุนแรงบ้าง ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างอาจจะกระทบกระทั้งกันก็มีลงไปช่วยคุยบ้าง แต่ว่ารอบนี้เป้นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจค่อนข้างมากมันก็เลยลามมาถึงเราไปด้วยซึ่งจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นว่าต้องให้เราช่วยอะไร