“โอบ” เล่าความยากใน “Project S” ไม่หวั่นแฟนซีรีส์อินหนักจับจิ้น “แบงค์”
“โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์” รับเจองานยากใน “โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์” ไม่หวั่นกระแสจิ้นชาย-ชาย พร้อมเผยสิ่งที่จะได้รับหลังดูซีรีส์
อีกหนึ่งหนุ่มที่ตอนนี้กำลังถูกจับตามองอย่างมาก สำหรับ “โอบ โอบนิธิ” ที่ผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดที่เขาแสดงอย่าง “โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์ ตอน Spike” กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเรื่องราวกำลังเข้มข้นมากขึ้นเรื่องๆ เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับหนุ่ม “โอบ” เขาก็เผยถึงที่มาที่ไปในการได้เข้ามาแสดงบทบาทของ “ปืน” ในเรื่องนี้ พร้อมทั้งเผยความยากให้ฟังว่า
"สำหรับจุดเริ่มต้นในการเข้ามาแสดงซีรีส์เรื่องนี้ คือเขาเล็งเห็นว่าตัวเราสามารถเล่นสเก็ตบอร์ดได้ ทางพี่เสือ ผู้กำกับฯ ของเรื่องเขาอยากให้เรามาเล่นมากๆ เขาพูดถึงขั้นถ้าโอบไม่มาเล่นพี่ก็จะไม่ทำเรื่องนี้ เหมือนเขาทำตัวละคร 'ปืน' มาให้เราโดยเฉพาะ คือไม่มีใครทำให้เราแบบนี้ จริงๆ ต้องไปแคสต์ก่อนว่าตัวละครเหมาะไหม แต่อันนี้เขียนมาเพื่อเราเลย เป็นความรู้สึกพิเศษ เพราะไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน และด้วยความที่เป็นพี่เสือด้วย ก็เต็มใจเล่น
เรื่องวอลเลย์บอลคือเคยเล่นตอนเด็กๆ มัธยมจะมีเรียนวิชาพละ เป็นการเล่นแบบแค่เสิร์ฟข้ามเน็ตไป ไม่มีอะไรยาก มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าก็ยากพอสมควร และพอได้ยิน ทัศนคติมันฝังตัวมาตลอด เกี่ยวกับเพศที่สาม ก็เลยถามพี่เสือ เขาก็บอกไม่เกี่ยวเลย เป็นเกี่ยวกับเพื่อน เกี่ยวกับทีม เกี่ยวกับการแข่งวอลเลย์บอลล้วนๆ เหมือนทีมงานอยากเปลี่ยนทัศนคติของคนไทยในการมองคนที่เล่นวอลเลย์บอลเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่เพศที่สาม เล่นได้อย่างเดียว ทุกคนสามารถเล่นได้
ส่วนเรื่องการฝึกฝนมันเหมือนเราเริ่มจากศูนย์เลย จะมีช่วงพรีโปรดักชั่น เป็นการแถลงว่าปีหน้าจะมีอะไรบ้าง หลังจากวันนั้นก็ต้องไปซ้อมวอลเลย์ฯ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนก่อนถ่ายทำจริง เพราะแต่ละคนก็ไม่ค่อยมีพื้นฐาน ก็ฝึกพื้นฐาน จังหวะการตบ การก้าวขา พอเราไม่รู้จังหวะมันจะทำให้รีบๆ ไม่มีเวลาค่อยๆ ให้ท่าทางมันออกมาสวย ตอนแรกที่ซ้อมสิ่งที่กลัว คือ ทำแล้วไม่เหมือน กลัวคนที่เล่นวอลเลย์บอลเป็นเขามาดูและจะไม่เชื่อ ซ้อมอยู่ 6 เดือน คือการซ้อมพื้นฐาน หลังจากนั้นใครเล่นตำแหน่งไหนจะไปเจาะเลย อย่างแบงค์แสดงเป็นตำแหน่งเซ็ตเตอร์ ก็จะไปเจาะเลย ซ้อม 3-4 ชั่วโมงต่อวัน เอาจริงๆ เรื่องนี้มันยากเพราะมันเป็นแอ็คชั่นเกี่ยวกับวอลเลย์บอลด้วย อยากถ่ายให้คนดูเห็นว่าเล่นเป็นจริงๆ เลยเลือกใช้ภาพกว้าง คือถ้าตัดสลับคนจะมองว่าใช้มุมกล้องช่วย แต่ถ้ามุมกว้างจะเห็นได้หมด
ด้านฉากไหนยากสุด คือมันยากทุกฉาก ซีรีส์เรื่องนี้ใช้ 18 คิว และมีตัวเราทุกคิว ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 4 ทุ่มทุกคิว เหมือนเราเป็นคนดำเนินเรื่อง ทุกคิวจะยากหมด ทีมงานจะเห็นเราเป็นคนแรกและคนสุดท้ายตลอด โดยมีซีนเกี่ยวกับแอ็คชั่นของวอลเลย์บอลเยอะ ก็จะทำให้ยาก
การรวมตัวของทีมตอนแรกเหมือนจะยาก เพราะอายุจะต่างกัน อย่างในทีมจะมีน้องที่เด็ก อายุประมาณ 14 คือตัวเอง 23 ห่างกันหลายปี ตอนแรกๆ ก็อาจจะเข้าขากันยากนิดนึง แต่หลังๆ ก็เริ่มเข้ากันได้ พอมาถ่ายเป็นทีมก็จะเรียกชื่อจริงๆ ในเรื่องเลย พังกำแพงอันนั้นไปได้ บรรยากาศในกองก็มีแกล้งกันแบบผู้ชายๆ อย่างน้องๆ บางคนก็เป็นนักวอลเลย์บอลจริง เป็นนักกีฬาโรงเรียน มันยิ่งทำให้น้องเข้ามา แต่เราไม่มีทุนเดิม ก็ต้องขยันมากกว่าเขา และยิ่งในเรื่องคือเก่งมาก ก็ต้องฝึกหนัก ช่วงแรกมีกดดันมาก คือมันคล้ายเทนนิสด้วย แต่เปลี่ยนจากไม้เป็นมือ พอได้มาเล่นจริงๆ ก็รู้สึกไม่ยาก เหมือนได้ระบายอารมณ์อยู่เหมือนกัน ก็สนุกดี เป็นเรื่องของกีฬาที่เร็ว คือเรามีโอกาสรับได้ 3 จังหวะ ถ้าคนในทีมไม่ไว้วางใจกันก็น่าจะพลาดไปเลย
ส่วนการติดตามกระแสของซีรีส์ ติดตามตลอด และพยายามดูพร้อมๆ กับทุกคน ก็ดีใจที่มีคนมาติดตามเยอะ หายเหนื่อย ก็มีถามหลายๆ คนว่าแสดงเหมือนคนเล่นวอลเลย์บอลเป็นไหม เพราะไม่ได้ถามแค่คนสองคน ถามไปเรื่อยว่ามันเหมือน ไม่เหมือน อยากรู้ อยากฟังคำติชม บางทีก็ว่าน่าเบื่อในช่วงแรก แต่เราเองเข้าใจเขา เพราะถ้าไม่เล่าในช่วงแรกคนจะไม่เข้าใจเรื่องราวต่อๆ มา ก็บอกให้รอดูไปเรื่อยๆ เรื่องบทหลังๆ พี่ผู้กำกับฯ บอกว่าตัวเราจะเป็นคนแบกเรื่องเอาไว้ทุกอย่าง คือถ้าจะพังก็พังเพราะตัวเราเอง มีทีมเข้ามาเกี่ยวข้องนิดหน่อย
สำหรับสิ่งที่จะได้ คือ อย่างแรกอยากเปลี่ยนทัศนคติของคนดูก่อนเลยว่าแค่เพศที่สามที่เล่นวอลเลย์บอลได้เพศเดียว ถือว่ามันไม่จริง ไม่ว่าเพศไหนก็สามารถเล่นกีฬานี้ได้หมด ซึ่งพอได้ลองเล่นก็รู้สึกสนุก อยากให้ลองมาเล่นก่อน ก็เริ่มมีหลายคนดูแล้วอยากออกไปเล่นวอลเลย์บอล เหมือนเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจ และเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน อย่างเพื่อนกลุ่มนึงที่รักกันมากๆ ถึงแม้เพื่อนคนนึงทำให้โกรธมากๆ ไม่ได้เกลียดกันนะ และวันนึงมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อย่าง 'สิงห์' ประสบอุบัติเหตุ ยังไงก็คือเพื่อน ก็มีเสียใจ คือแค่โกรธ แต่ไม่ได้เกลียด ก็รักเพื่อน แค่วันนึงทำให้เพื่อนคนนี้ผิดหวัง ก็อยากให้ทุกคนเลือกดูกลุ่มเพื่อนที่จริงจังกับเรา มันจะมีอยู่ อยากให้รักษาเพื่อนกลุ่มนี้เอาไว้ เพราะเขาจะอยู่กับเราไปตลอด
และยังมีเรื่องสัญลักษณ์ของการเล่นวอลเลย์บอล กติกาต่างๆ ของการเล่นวอลเลย์บอล ต้องบอกก่อนว่าซีรีส์ส่วนใหญ่จะเป็นคล้ายๆ หนัง ภาพ เรื่องมุมกล้อง ตัวละคร มันเรียลจริงๆ ทำให้คนดูอินกับซีรีส์ เป็นฟีดแบ็คที่ดีเหมือนกัน อย่างซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีการแต่งหน้าเลย ผู้หญิง ครูเบสท์ จะมีแค่กันแดดและแป้งฝุ่น ผู้กำกับฯ จะบอกเลยว่าให้ดูแลผิวหน้ามาก่อนถ่าย มันเรียลมากๆ ทุกคนจะเห็นทำไมแก้มแดงจัง มันเป็นอย่างนั้นเลยจริงๆ
เรื่องจิ้นอันนี้ไม่กลัว เพราะตัวเองเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว อย่าง 'The Blue Hour อนธการ' ก็รู้สึกเฉยๆ รู้สึกตลกดี คิดว่าเป็นความสุขของคนกลุ่มนึง เขาดูแล้วอินก็สนุกดี อันนี้ต้องลองลุ้นดูว่าตอนสุดท้ายจะเป็นยังไง เพราะใน 2 EP. นี้จะจบแล้ว ทุกคนอยากรู้อะไรจะได้รู้ ต้องรอลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น และสุดท้ายต้องขอบคุณมากๆ ที่ติดตามผลงาน จะสร้างสรรคผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคนได้ดู"