“ปุ๊กกี้” ปลื้มกระแส “หน้ากากฮันบก” เปรี้ยง ขอบคุณแฟนๆ ที่สนับสนุนมาโดยตลอด
“ปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช แพ่งนคร” เผยความรู้สึกหลังเฉลย “หน้ากากฮันบก” ในรายการสุดฮอต “The Mask Singer”
นักแสดงสายฮา “ปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช” หลังจากที่เธอได้เข้าแข่งขันในรายการ “The Mask Singer” โดยขึ้นโชว์ในชุดของ “หน้ากากฮันบก” งานนี้ทำเอาหลายคนตะลึงในน้ำเสียงของเธอ โดยหลังเปิดหน้ากากแล้วเธอได้เผยความรู้สึกว่า
ตอนแรกที่รายการติดต่อมาก็คิดว่าทำไมถึงคิดถึงเรา เพราะเราไม่ใช่คนที่เคยร้องเพลง รู้สึกตื่นเต้น เพราะรายการ “The Mask Singer” คือที่บ้านดูกันอยู่แล้ว มันเป็นรายการที่ฮิตมาก ดูทุกครั้งก็ตลกดี และลุ้นอะไรแบบนี้ แต่พอทางรายการติดต่อเข้ามาก็คิดอยู่แป๊บนึง เขาบอกว่าถ้าเรามั่นใจให้ลองมาดู เลยรับ ซึ่งตนไม่เคยคิดเลยว่ากระแสจะดี ตอนที่อัดไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าทำได้ดีหรือเปล่า แต่คิดว่ามันก็โอเค ไม่ได้คิดว่ามันจะกระแสดีขนาดนี้ มีกดดันนิดหน่อย
ในรายการมีให้เก็บความลับด้วย ตัวเองอึดอัดเหมือนกัน คันปากมาก คืออยากจะบอกทุกคนในโลกนี้ (หัวเราะ) คือเรารู้อยู่แก่ใจว่าต้องทำยังไง ขั้นตอนเป็นยังไง อยากจะบอกมากแต่ว่าไม่ได้ เราต้องปิดบังความลับ เราจะบอกแค่ผู้จัดการคนเดียวเพราะเขาต้องรู้คิวงานของเรา
ส่วนเหตุผลที่เลือกหน้ากากฮันบก ตนคิดและทำทุกอย่างเอง ทั้งการดีไซน์ชุด ทั้งหน้ากาก เราเลือกเองหมดเลย คือเราบ้าดูซีรีส์เกาหลีมาก คลั่ง “กงยู" มากๆ จะทำยังไงได้บ้างที่ทำให้ชุดมันสื่อออกมาว่าเรารักผู้ชายคนนี้ (หัวเราะ) มันเลยเป็นชุดนี้มา ตอนก่อนเปิดหน้ากากตนไม่กังวลกับอะไรเลย กังวลกับหน้าอย่างเดียว (หัวเราะ) เพราะว่าหน้าเละมากข้างในหน้ากาก คือมันร้อนมาก จะเป็นลมเลย แต่เรายังยืนฝืนไว้ พอถอดหน้ากากออกมาคือโล่งมาก เรารู้เลยว่าอะไรก็ไม่หนักเท่า “กงยู” ที่อยู่ข้างหลัง คือมันหนักมาก
สำหรับคาแรคเตอร์ที่มีคนทายถูกว่าเป็นตน อาจจะเป็นเรื่องของการตอบโต้กับกรรมการหรือการพูด ตอนแรกๆ อาจจะแอ๊บใสๆ แต่พอตอบคำถามนานๆ ไปคือมันต้องต่อปากต่อคำ เพราะแบบไม่ยอมใครง่ายๆ เลยอาจทำให้รู้ว่าเป็นเรา แต่เรื่องเสียงเราไม่ค่อยร้องเพลง คนเลยอาจคาดไม่ถึง พอเฉลยคือมันโล่งเลย แต่เราเริ่มอึดอัดแบบคอยลุ้นว่าคนเขาจะมองว่ามันจะตลกไหม มันดีไหม ออกมาจะแย่ไหม performance เราดีไหม คนจะรู้สึกผิดหวังไหมที่เปิดออกมาเป็นเรา แต่พอเปิดออกมาแล้ว ทุกคนดีใจที่เป็นเรา ตนเองโอเค สบายใจแล้วที่ทุกคนสนุกกับที่เราเล่น
ตอนนี้ก็มีคนไปค้นคลิปเก่าๆ แท็กคลิปเก่าๆ มาเยอะมาก แต่คือนี่ไม่ได้ห่วงเรื่องเสียงเลย กังวลกับหน้าเก่าๆ มากกว่า (หัวเราะ) สมัยนั้นคืออ้วนมาก หน้าหักมาก แบบอย่าเผยแพร่ออกไปได้ไหม (หัวเราะ) เราเองขำๆ ขุดไปถึงละครเรื่องเก่า “น้ำตากามเทพ” อย่างเรื่อง "เนื้อคู่ ประตูถัดไป" ที่เคยร้องเพลงเป็นเสียงลุลาอะไรอย่างนี้ คือเราก็ดีใจที่แฟนๆ ตามไปดูว่าเราร้องได้จริง เพราะเขาคงไม่คิดว่าเราร้องเพลงได้จริง เลยไปดูอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าเราร้องเพลงได้นะอะไรแบบนี้ ก็รู้สึกตลกดี
ณ ตอนนี้ค้นไปถึงสามี เขาก็เป็นคนที่ตลกอยู่แล้ว แบบเวลาเราลงรูปคู่เขาจะแย่งความสนใจจากชะนีไปหมดเลย ไม่มีใครคอมเมนต์เรื่องของเราเลย นางก็จะได้ feedback ไปเต็มๆ ซึ่งมีความหมั่นไส้ เราจะรวบรวมโพสต์ต่างๆ ไปให้แล้วบอกว่านี่เกาะกระแสฉันหรอ (หัวเราะ) แต่จริงๆ สามีไม่ค่อยชอบออกสื่ออะไรทั้งสิ้นเลย รายการอะไรที่ติดต่อให้ไปออกรายการเป็นคู่จะไม่เลย มีเคยไปออกรายการครั้งหนึ่งแล้วเขาไม่ชอบ เพราะเขาไม่ชอบการถูกจ้องมอง ไม่ชอบอะไรแบบพวกออกหน้าค่ะ
ด้านลูก 2 คน คนโต 9 ขวบ คนเล็ก 4 ขวบครึ่งแล้ว เป็นลิงทั้งคู่ ทั้งสองคนเขาชอบในด้านของดนตรี เขาเคยแสดงโฆษณาตัวนึง เรารู้สึกว่าพวกเขาเฉยๆ แล้วเราเห็นมาเยอะกับเด็กๆ ที่แสดงละครหรือเล่นโฆษณาคือมันเหนื่อย ตนไม่อยากให้ลูกเหนื่อย อยากให้เขาเรียนกันไปก่อนแล้วโตมาเขาชอบอะไรก็แล้วแต่เขาเลย
สำหรับผลงานตอนนี้มีรายการ “เมนต์แอนด์เม้าท์” ละครอีก 3-4 เรื่องที่ยังไม่ได้ออน ก็มี “ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์” (เป็นแขกรับเชิญ), “เพลิงบุญ”, “กับดักพิศวาส” และมีอีก 2 เรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ แล้วอาจจะได้เห็นตามรายการต่างๆ เช่น i can see your voice (เป็นกรรมการตัดสิน) สุดท้ายต้องขอบคุณจริงๆ กับทุกคอมเมนต์ที่เข้ามาแบบถล่มทลายเลย ขอบคุณจริงๆ ที่คอยติดตามกันจนถอดหน้ากากเลย อาจจะผิดหวังกันบ้าง แต่ก็ยังมีมาชื่นชมกันอยู่