ไม่ลืมวงการหนังไทย! “จา พนม” เตรียมประกบ “วิน ดีเซล”
“ทัชชกร ยีรัมย์” หรือ “จา พนม ยีรัมย์" ยันไม่ลืมวงการภาพยนตร์ไทย แย้มทางฮอลลีวูดจีบร่วมงานภาพยนตร์ต่อ ปลื้มนำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปอวดชาวต่างชาติกระเเสตอบรับดีมาก
อีกหนึ่งนักแสดงบู๊ไทยที่โด่งดังไกลถึงระดับฮอลลีวูดอย่างหนุ่ม “จา ทัชชกร” หรือ “จา พนม” ที่หลังจากเขาห่างหายจากงานแสดงนาน ล่าสุดก็กำลังกลับมามีผลงานอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เขายังได้เล่นประกบกับ “วิน ดีเซล” อีกด้วย เมื่อทาง “ดาราเดลี่” ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาก็เผยให้ฟังว่า
ล่าสุดได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติในภาพยนตร์เรื่อง "xXx : Return of Xander Cage หรือ xXx ( ทริ้ปเปิ้ลเอ็กซ์) : ทลายแผนยึดโลก" สนุกดีและไม่กดดันอะไร ถือว่าภูมิใจมากกว่าที่ได้เล่นหนังฟอร์มใหญ่ และได้นำเอาแม่ไม้มวยไทยไปโชว์ที่ต่างประเทศ และมีอะไรใหม่ๆ ใส่ลงไปในภาพยนตร์ ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ร่วมกับนักแสดงต่างชาติ
ด้านความแตกต่างกับ “ภาพยนตร์ Fast 7” ก็เรื่องของบทบาทที่แตกต่างกันไป ด้วยคอสตูม คาแรคเตอร์จะแตกต่างการกันออกไป ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเพิ่มคาแรคเตอร์การต่อสู้ เข้าไป และเรื่องนี้ยังโชว์ศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มที่ ตื่นเต้นที่สุดคือการได้ร่วมงานกับ “วิน ดีเซล” และร่วมกับดาราที่ตนชอบ ได้พบกับกับโปรดิวเซอร์ มีโอกาสได้เอาวัฒนธรรมไทย การไหว้ ไปแลกเปลี่ยน เป็นสิ่งที่ตนเองนั้นอยากนำเสนอด้วย ส่วนการออกแบบในการต่อสู้นั้น ตนก็ได้รับโอกาสจาก “วิน ดีเซล” , ผู้กำกับ ในการเสนอฉากเพราะอยากให้ออกมาดีที่สุด
ส่วนเหตุที่ทางทีมงานที่เรียกมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะอยากสร้างประวัติศาสตร์ อยากทำอะไรให้ออกมาดี ยอมรับห่างหายไป 15 ปี การกลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็นของขวัญให้กับทุกคน ทางฮอลลีวูดก็สนใจ การต่อสู้แม่ไม้มวยไทยมาก ตนได้ทำให้เขามองเห็นแม่ไม้มวยไทย และได้มีโอกาสไปเผยแพร่ แม่ไม้มวยไทย หนังที่ไปเล่นเปรียบเป็นห้องเรียนยังต้องเรียนรู้หลายอย่าง
ยืนยันไม่ทิ้งวงการหนังไทยแน่นอน เรารักหนังไทย เพราะหนังไทยสร้างเราขึ้นมา มีโอกาสไปเรียนรู้กับต่างชาติ และกลับมาก็มาประยุกต์ใช้ ไม่ลืมหนังไทย แต่ต้องพัฒนาต่อไป แย้มทางต่างชาติก็มีจีบๆ มาให้ตนไปร่วมงานด้วย
สำหรับเรื่องสัญญาตอนนี้กับทางฮอลลีวูดมีคนดูแลตน กับทางฮอลลีวูดตอนนี้เขาก็มองหนังตลาดเอเชียมากขึ้น อยากให้ทุกคนช่วยเชียร์กัน ทุกวันนี้คือความภาคภูมิใจแล้ว ทำหนังให้เมืองไทยก็ดี แต่ว่าไปต่างประเทศก็เหมือนเปิดโลกทัศน์ เอื้อต่อหนังไทยต่อไปในอนาคต