ข่าวฮอตประจำปี 2559 : ตามรอยดราม่า “น็อตกราบรถ” เป็นเหตุงานลดฮวบ!
เดินทางเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2559 แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้ก็มีข่าวสุดฮอตที่เป็นประเด็นถูกพูดถึงของคนบันเทิงทั้งในประเทศและนอกประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เรียกเสียงเฮ สร้างสีสันโดนใจในวงการบันเทิง ตลอดถึงเรื่องช็อกวงการ ข่าวเศร้าต่างๆ ที่ทำเอาแฟนคลับสะเทือนขวัญไปพร้อมๆ กัน
ทาง "ดาราเดลี่" เลยทำการเลือกข่าวบันเทิงที่เป็นประเด็น มีคนพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการบันเทิงปี 2559 มาฝากกัน เพื่อไม่ให้คุณพลาดหรือตกเทรนด์ข่าวในวงการบันเทิงประจำปีนี้
ไม่พูดถึงประเด็นนี้ก็คงจะไม่ได้ สำหรับเรื่องที่นักแสดงหนุ่ม “น็อต อัครณัฐ” ที่เจอดราม่าหนักกับคลิป "หนุ่มไฮโซเดือด!! กระชากคอ-ตบหน้ามอไซค์ที่ขี่มาเฉี่ยวรถมินิคูเปอร์" ที่เป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ ซึ่งก็มีคนพุ่งเป้าไปที่เจ้าของรถยนต์หรือที่อ้างว่าเป็นไฮโซหนุ่มนั้นหน้าตาคล้ายกับพิธีกร-ดาราหนุ่ม "น็อต อัครณัฐ" และมีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์กันเต็มอินสตาแกรมของเจ้าตัว กระทั่งทางต้นสังกัดของหนุ่ม "น็อต" ได้รายงานว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่แล้ว
ต่อมาทางคู่กรณีได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.สมยศ บุญญะแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และหนุ่ม "น็อต" ก็ได้เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม ซึ่งยอมรับผิด ขอโทษทั้งสื่อมวลชน พ่อแม่ และคู่กรณีพร้อมครอบครัว ตนไม่ใช่ไม่รับผิดชอบ แต่ได้มาคุยกันที่โรงพักก่อนหน้านี้แล้ว ขอโทษแม่ของคู่กรณีแล้ว และตกลงกันว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่อง เพราะลูกเขาก็ผิด ส่วนตนก็จะแจ้งประกันแบบไม่มีคู่กรณี เพราะน้องคนขับจักรยานยนต์บอกไม่มีตังค์ ซึ่งตอนนั้นแม่ของคู่กรณียังบอกเลยว่าจะช่วยแก้ข่าวเพื่อปกป้องหากโดนสังคมต่อว่า หลังจากที่แม่ของคู่กรณีโทรมาแจ้งว่าลูกถึงขั้นจมูกหัก ต้องการให้ช่วยค่ารักษาพยาบาล ซึ่งบ้านตนไม่ได้มีตังค์ ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เก็บเงินซื้อความฝัน ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะหวงความฝันหรือ ตอนนั้นก็บอกไปว่าพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกินจากที่คู่กรณีรับไหว ไม่ได้ช่วยทั้งหมด จะช่วยเท่าที่ช่วยได้
นอกจากนั้นหนุ่ม “น็อต” ก็ยังโดนว่าทั้งวัน มีปาไข่เข้าบ้าน พ่อแม่โดนว่า ร้านอาหารตนโดนว่า ทั้งหมดนี้ว่าที่ตน แต่อย่าลืมตนรับผิดชอบทุกอย่าง ตั้งแต่นาทีแรกที่มาสถานีตำรวจก่อนหน้านี้ ไม่เคยหนีไปไหน ตนยังเป็นเด็กที่น่ารักของสื่อทุกคน ไม่ได้มาสร้างภาพ ทุกอย่างออกมาจากใจ การกระทำแค่ 1 นาทีตรงนั้น อย่าตัดสินตนเลย ส่วนกรณีให้กราบรถ ตนพยายามเอาน้องลงมาจากมอเตอร์ไซค์ ซึ่งก็ไม่ยอมลงแต่แรก แม้นาทีนั้นน้องบอกขอโทษ แต่นาทีนั้น นั่นคือความฝันของตน ไม่รู้รถเป็นอะไรขนาดไหน ไม่รู้ว่าคู่กรณีจะมีมีดมีปืนหรือเปล่า ตนมีอารมณ์ ไม่ขอโทษตนไม่เป็นไร แต่ให้ขอโทษรถ ซึ่งเวลานั้นไม่มีเวลามาประดิษฐ์คำ ตนผิดที่ใช้อารมณ์ แต่ไม่อยากให้เขาหนี ซึ่งจะหนีหรือเปล่าไม่รู้ แต่สิ่งที่เห็นตอนนั้นคือเขาขับจักรยานยนต์ไปอีกฝั่งแล้วเร่งรถ โดยเหตุการณ์นี้กระทบงานแน่นอน ตนก็ขอโทษน้องๆ ที่ติดตามผลงาน นั่นคือหัวใจของตน ขอให้เชื่อในตัวของตนเหมือนเดิม แม้วันนี้จะจมน้ำเพราะฤทธิ์โมโห แต่ก็จะต้องว่ายน้ำขึ้นมา ตนมีสิ่งต้องรับผิดชอบมาก ขอโทษ อยากให้ทุกคนให้อภัย
ถัดมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน ทางค่ายต้นสังกัดได้มีความคืบหน้าด้วยการออกแถลงการณ์ว่า จากเหตุการณ์การเผยแพร่คลิปพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของ “น็อต อัครณัฐ” ผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า รู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่งและเห็นถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากฐานะการเป็นพิธีกรและนักแสดงซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน บริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขี้น โดยได้พิจารณาถึงบทลงโทษเพื่อจะได้ไม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนและสังคม ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยมีข้อสรุปว่า บริษัทฯ ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นพิธีกรและนักแสดง ในสังกัดของบริษัทฯ และขอยุติการทำงานทุกประเภทของ น็อต อัครณัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ไม่เพียงแค่นั้นในเวลาต่อมา ทางสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์ ได้ออกจดหมายขอถอนชื่อพิธีกรดัง ออกจากทำเนียบประวัติและขอเรียกคืนรางวัล “คนไทยตัวอย่าง ประจำปี 2559” โดยให้เหตุผลว่าแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม โดยภายในจดหมายลงวันที่ 7พฤศจิกายน 2559
อีกทั้งทางช่องไทยพีบีเอสก็ได้ออกประกาศระงับการออกอากาศผลงานของหนุ่ม “น็อต” เช่นกัน โดยชี้แจงว่า จากคลิปเหตุการณ์ที่นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล แสดงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดียนั้น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำที่เป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสม แก่เด็กและเยาวชน จึงระงับการออกอากาศผลงานทั้งหมดของนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ได้แก่ละครเรื่อง “ก๊วนสืบหลังเลิกเรียน” และพิธีกรรายการ “Thailand Science Challenge ท้าประลองวิทย์” โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 7 พฤศจิกายน 2559
ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางหนุ่ม “บอย” คู่กรณีของหนุ่ม “น็อต” ได้ออกมาเปิดใจว่า ทีแรกก็ยอมรับว่าหนีครับ คือขี่กลับบ้านแล้วแท็กซี่มาสะกิดตูดหน่อยนึง จังหวะที่หันไปมองแท็กซี่ก็ชมพี่ “น็อต” พอดีครับ เราก็นึกว่าเฉี่ยวนิดหน่อย ตอนนั้นก็ยอมรับครับว่าขี่หนี แต่ช่วงละแวกนั้นมันเป็นชุมชน แล้วคือกล้องเยอะยังไงก็หนีไม่ได้ โดนตามป้ายทะเบียนแน่นอน ก็เลยย้อนรถกลับมาหาจุดเกิดเหตุครับ ก็ตกใจครับ แต่ใจนึงก็ยอมรับว่าเราผิดเพราะเราหนีเขาก่อน อย่างที่ว่าครับเรารู้สึกผิด เราก็ต้องยอมครับ ไม่รู้ว่าเขาเป็นดารา ก็รู้ตอนที่ออกข่าวครับ ตำรวจแยกที่สน. เขาบอกเขาเป็นดารา พิธีกร ก็ขอให้อย่าเอาเรื่องแจ้งความ แล้วเขาก็จะเคลียร์ค่าเสียหายครับ คือตอนตำรวจมาเขาก็เริ่มโอเคแล้วนะครับ แล้วไปสน.เขาก็ขอโทษ ยกมือไหว้แม่ แล้วก็มาขอโทษผม ถ้าก่อนหน้าคิดว่าประมาณ 3-4 หมัดครับ แล้วในคบิปก็มาอีก 3-4 หมัด เขาก็กลัวมีปัญหาเรื่องการงาน คือตอนแรกทางเราก็เห็นใจครับ แต่พอทีนี้ทางบ้านเห็นคลิปเขาก็รับไม่ได้กันก็เลยแจ้งความดำเนินคดี เพราะผมก็ไม่ได้บอกคุณแม่ว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบไหน บอกแค่ว่าโดนต่อยเฉยๆ คือผมก็อยากให้เรื่องจบไวๆ ด้วย อยากให้เรื่องข่าวเรื่องคดีจบไวๆ อยากใช้ชีวิตปกติครับ ผมไม่แค้นครับก็ว่าไปตามคดี แต่คดีก็แยกกันไป เขาก็เรื่องจราจร ผมก็เรื่องทำร้ายร่างกาย หมอบอกว่าดั้งจมูกหัก สันจมูกเบี้ยวนิดหน่อย อาจจะต้องผ่าตัดครับ
และเมื่อทางตำรวจได้เรียกหนุ่ม "น็อต อัครณัฐ" มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หลังทำร้ายร่างกายหนุ่มคนขับจักรยานยนตร์จนได้รับบาดเจ็บ ณ. สน.ยานนาวา โดยงานนี้หนุ่มน็อตได้เผยสั้นๆ ว่า ผมขอโทษจริงๆ ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมทำไม่ดี ผมขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น ผมจะรับผิดชอบน้องเขาครับ ผมขอโทษทุกคน ผมมีสติไม่พอจริงๆ ผมพยายามติดต่อน้องทุกวัน แต่วันนี้ช่วงเย็นคุณแม่ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์ผมแล้ว แต่ผมก็ยังฝากข้อความไปถึงเขาเหมือนเดิม แต่ผมรับผิดชอบเหมือนเดิมครับ วอนขอโอกาสปรับตัว เปรยวางแผนชีวิตหลังจากนี้จะไปปฏิบัติธรรม เล็งเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่อดีตต้นสังกัด
ซึ่งเจอกระแสสังคมต่างพากันเข้ามาโจมตีเขาผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเขาอย่างหนัก ทำให้หนุ่ม “น็อต” ได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าหาธรรมมะ โดยเขาได้เข้าพิธีอุปสมบทที่จังหวัด เชียงราย โดยมีพระนักบรรยายธรรมชื่อดัง “พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี” หรือ “ว.วชิรเมธี” เข้าร่วมพิธีอุปสมบทในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่จะลาสึกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมทั้งชี้แจงว่า ได้บวชเรียนตามความตั้งใจ และได้ลาสิกขาแล้วก่อนวันที่ขออนุญาตไว้กับทางตำรวจเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนตามข้อตกลง ไม่ได้มีเจตนาหลบหนีตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จากนี้ไปจะขอใช้ชีวิตอย่างสงบและพร้อมทำตามเงื่อนไขของศาลตามที่ตกลงไว้ทุกประการ จึงเรียนมาเพื่อทราบ