พิธีกรชื่อ “น้าเน็ก” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง! เปิดหมดเปลือกกับการร่วมงาน “เรื่องเล่าเช้านี้”

พิธีกรชื่อ “น้าเน็ก” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง! เปิดหมดเปลือกกับการร่วมงาน “เรื่องเล่าเช้านี้”

1

พิธีกรชื่อ “น้าเน็ก” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง! เปิดหมดเปลือกกับการร่วมงาน “เรื่องเล่าเช้านี้” 

    เรียกว่ากำลังถูกจับตามองในตอนนี้กับบทบาทพิธีกรดำเนินรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ของพิธีกรฝีปากจัดจ้าน “น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” ซึ่งก่อนที่จะมารับหน้าที่ในวันแรก (25 เมษายน) กระแสทั้งในด้านชื่นชม และในด้านติติงถึงความไม่เหมาะสมของลุคของเจ้าตัวและรายการนี้ ล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับน้าเน็ก ก็ได้เล่าถึงที่มาที่มีโอกาสได้มาร่วมงานนี้ว่า

    ผมก็ได้รับการทาบทามจากทีมงานของเรื่องเล่าเช้านี้ครับ ว่าอยากจะให้ไปเป็นผู้ประกาศข่าวในช่วงของครอบครัวบันเทิง ซึ่งก่อนหน้านี้กับเรื่องเล่าเช้านี้เราก็มีความผูกพันกันกับทีมงาน ได้มีโอกาสไปโปรโมทงาน หรือไปเป็นแขกรับเชิญอยู่บ้าง ก็มีความสนิทสนมกันดี เราก็ตัดสินใจอยู่พักนึง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมพอสมควรครับ ก็คือว่ามันเป็นงานที่จะต้องตื่นเช้า แล้วโดยปกติในหลายๆ รายการของผมก็จะเริ่มประมาณ10-11 โมง แล้วก็จะถึงห้าทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 เลย ก็เลยคิดว่าจะต้องตื่นเช้า ต้องปรับชีวิตยังไง คือกลัวว่าจะรับผิดชอบไม่ได้ 

    แต่สุดท้ายท้ายสุดพอลองนั่งพิจารณาแล้ว ก็พบว่าการรับงานนี้ยังมีข้อดีอยู่มากมาย อันดับแรกก็คือเหตุผลที่ผมตัดสินใจรับ ต้องบอกว่าเรื่องเล่าเช้านี้เป็นรายการสมบัติของชาติ เป็นรายการเล่าข่าวที่อายุยืนยาวมาก 10 กว่าปี แล้วก็เป็นรายการที่ผู้คนชื่นชอบแล้วก็ดูกันเยอะมาก จะเห็นได้ว่าเวลามีใครจะโปรโมทอะไรก็จะมาโปรโมทที่รายการนี้ คือเป็นรายการยอดนิยมนะครับ ได้ทำงานในรายการนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับอาชีพ แล้วผมก็อยากพิสูจน์ตัวเองครับ เพราะในบรรดาหลายสิบรายการที่ผมเคยทำมา เรื่องเล่าเช้านี้ไม่เหมือนกับรายการอื่นเลย มันมีรูปแบบของการเป็นพิธีกรผสมกับการเป็นผู้ประกาศ แล้วเป็นรายการสด ถึงแม้จะเป็นข่าวบันเทิงก็ตาม ผมก็อยากพิสูจน์ตัวเอง แล้วทีมงานก็แจ้งว่าการที่ทีมงานจะหาใครมาทำหน้าที่นี้ ต้องหาคนที่เหมาะสมจริงๆ ซึ่งผมก็รู้สึกว่าการที่ผมได้รับเกียรตินี้ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ สุดท้ายก็เลยตกลงปลงใจครับ

    ซึ่งคุณแม่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เป็นคนตื่นเช้า ก็เป็นคนติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่เป็นประจำ ชอบดูรายการข่าว คุณแม่ก็เป็นแฟนคลับของรายการนี้ พอรู้ว่าลูกชายจะได้ทำรายการนี้ก็ตื่นเต้นครับ แล้วคนรอบๆ ข้างทั้งคุณแม่ เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่ผมเชื่อใจ ทุกคนก็บอกว่านี่เป็นงานที่ดีมากๆ แล้วก็เป็นโอกาสที่ดีของชีวิตครับ ผมก็เลยตัดสินใจครับ

    ที่ผ่านมาในเรื่องเล่าเช้านี้ช่วงบันเทิง เราจะไม่ค่อยเห็นคนที่เป็นพิธีกรสายตรงสักเท่าไหร่ แล้วผมก็มีความรู้สึกว่าสำหรับงานพิธีกร ผมว่าการได้รับหน้าที่ในรายการนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่เป็นเกียรติมากๆ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่ามันเป็นการพัฒนางานของตัวเองด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเพิ่งขึ้นรายการใหม่กับทางช่องสาม คือรายการ tonight the night คืนสำคัญ ซึ่งเป็นรายการถ่ายทอดสด แล้วอีกอย่างปัญหาของผมก็คือว่าก่อนหน้านี้ผมทำงานกับช่อง 3 ก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยได้คลุกคลีกับคนในช่อง 3 เลย ก็คือทำเป็นเทปแล้วก็ส่งเข้าไปออกอากาศ ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าตึกสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอคนในตึก การทำเรื่องเล่าเช้านี้ก็เหมือนเป็นการเชื่อม Connection ให้เราใกล้ชิดกับคนในตึกมากขึ้น มันก็เป็นประโยชน์หลายๆ ด้านด้วยกันครับ 

    ก่อนหน้าที่จะมารับหน้าที่นี้ ผมก็เตรียมตัวก่อนนะครับ ก็คือผมก็ไม่ได้โผล่ไปเช้าวันจันทร์ที่ 25 เป็นวันแรก ก่อนหน้านี้ผมก็เข้าไปดูงานก่อน แล้วก็คุยกับทีมงานก่อน คือการไปเป็นแขกรับเชิญกับผู้ดำเนินรายการมันไม่เหมือนกันครับ การไปเป็นแขกรับเชิญเค้าให้ทำอะไรก็ทำไป แต่การไปเป็นพิธีกร การเตรียมตัวมันไม่เหมือนกัน ผมก็มีการไปฝึกซ้อมดูงานก่อน ดูกระบวนการทำงานในห้องข่าว ไปคุยกับทีมข่าว ดูกระบวนการงานเบื้องหลังทั้งหมด แล้วก็ไปพูดคุยสร้างความสนิทสนมกับผู้ประกาศข่าวท่านอื่น ก็คุยกันแล้วก็ขอคำแนะนำ ว่าการเป็นผู้ประกาศมันต้องมีสกิลยังไง ก็ไปเรียนงานก่อนพักนึงเลยครับ จะได้เริ่มทำงานจริง แล้วก็จากการพูดคุยกับทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้ แล้วด้วยความที่เมื่อก่อนผมก็เป็นนักข่าวบันเทิงมาก่อน แล้วเราเองก็เป็นคนทำหลายรายการทีวี แล้วสไตล์การทำงานผม ไม่ว่าผมจะเป็นพิธีกรรายการไหนก็ตาม ผมก็จะขอสิทธิในการทำเบื้องหลังด้วย ผมก็เลยคุยว่าในการ ผมอยากจะมีส่วนในการทำเบื้องหลังด้วยได้ไหม ผมอยากเป็นคนหาข่าว ผมอยากเป็นคนตีประเด็นข่าว คัดเลือกข่าวมานำเสนอในรายการได้ไหม เค้าก็ยินดี แล้วก็ให้สิทธิเต็มที่ นั่นก็เลยหมายความว่านอกจากงานการเป็นผู้ประกาศข่าวแล้ว ผมก็เหมือนเป็นหนึ่งในทีมข่าวด้วย ก็มีส่งประเด็นข่าวไปหลายประเด็นเหมือนกัน เพื่อที่เวลาเราทำหน้าที่พิธีกรมันจะได้ออกมาจากอินเนอร์ เป็นเรื่องที่เราเสาะหามาจริงๆ เหมือนรายการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Take me out หรือ Got talent รายการที่ผมรับจ้างทั้งหลายทุกรายการ ผู้ผลิตรายการเค้าจะรู้ดี ว่าผมจะช่วยในเรื่องของงานเบื้องหลังทุกครั้ง ในเรื่องเล่าเช้านี้ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ 

    ตอนแรกคนสงสัยว่าเราจะมาแทนคุณ “สรยุทธ” จริงๆ แล้วผมประกาศเรื่องนี้ครั้งแรกในคืนวันที่ 23 ในรายการ Tonight เพราะว่าผมเชิญคุณ “ไบรท์” เค้ามาสัมภาษณ์ว่าผมจะต้องไปทำงานในรายการนี้ผมต้องทำยังไงบ้าง ผมก็เชิญคุณไบรท์มาคุยกัน แล้วผมก็พูดชัดนะครับว่าผมจะไปทำในส่วนของครอบครัวบันเทิง แต่ปัญหาคือเวลาที่เราพูดอะไรออกไป คนมักจะไปจับใจความไม่ครบถ้วน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะว่าตอนพูดผมก็พูดครบถ้วน แล้วในการพูดคุยกับคุณไบรท์ เราก็คุยกันชัดว่าผมดูแลในส่วนของครอบครัวบันเทิง แต่ผมก็ไม่รู้คนก็ไปสร้างกระแส ไปลือกันว่าผมมาแทนคุณสรยุทธ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีใครแทนใครได้หรอกครับ เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนได้ การแทนกับการเปลี่ยนไม่เหมือนกัน การแทนคือต้องเอาของบางอย่างมาแทนที่แล้วเปรียบเทียบกัน แต่การเปลี่ยนคือของเก่ามันไม่มีเราก็ต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ เปลี่ยนอะไรใหม่ๆ มันคือการเปลี่ยนแปลง แล้วผมก็เคยคิดเหมือนกันนะ ว่าผมจะสามารถดำเนินการได้ทุกช่วงรึเปล่า ข่าวอื่นๆ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ผมมองว่ามันอาจจะเป็นการใช้งานที่ผิดประเภท เพราะว่าสไตล์ของเรา เรามองเห็นอะไรเป็นเรื่องตลกไปเสียหมด ในขณะที่บ้านเรายังเป็นสังคมในแบบเป็นพิธีรีตอง ในบ้านเรายังไม่เชื่อว่าเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ความมีอารมณ์ขันมันจะไปอยู่ในนั้นได้ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าให้คนสไตล์แบบผมไปดำเนินรายการแบบนั้น อาจจะถือว่าเป็นการใช้งานผิดประเภท แล้วก็คนในสังคมส่วนใหญ่อาจจะไม่ยอมรับ เพราะว่าบ้านเราเป็นสังคมพิธีรีตอง เรามีขนบธรรมเนียมอะไรบางอย่างที่เราก็ทำกันมาแบบไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเกิดถามว่าถ้าผมมีโอกาส ผมก็อยากทำนะ อยากลองเหมือนกัน

    ส่วนกระแสที่ติติงผมไม่ได้คลางแคลงใจในส่วนที่มีคนดูตั้งคำถามนะ เพราะว่าที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องจริง ผมทำรายการสายบันเทิง มันจะสนุกสนาน ตลก ทำรายการวาไรตี้ ทำเกมโชว์ ก็เน้นฮาเป็นหลัก แล้วผมก็เน้นจิก กัด แซว อะไรก็ว่ากันไป พอจะมาอยู่ในรายการที่เป็นเนื้อหาของรายการข่าว ผู้ประกาศ แน่นอนย่อมมีคนที่คุ้นชินกับวิธีการที่ผมเป็น แล้วมาเปรียบเทียบกับพื้นที่ตรงนี้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมกัน แต่ว่าพอหลังจากได้ออกอากาศไป วันจันทร์ที่ผ่านมาถึงวันนี้ ผมก็พบว่า ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ผมก็พยายามนำวิธีการแบบผม มาผสมกับวิธีการพื้นฐานของการเป็นผู้ประกาศข่าว หาส่วนผสมใหม่ ก็ไม่ได้ว่าจัดจ้าน แซว เฮฮาอะไรแบบเต็มเหนี่ยวเหมือนรายการอื่น แต่ก็ไม่ได้จืดชืดมานั่งอ่านเป็นคำๆ ก็ไม่ต้องเป็นผมก็ได้ ผมก็มีการปรับลุค คือผมก็ไม่ใส่แว่นดำ เพราะว่ามันจะกลายเป็นความไม่สุภาพไป กับรายการข่าว เพราะถ้าใส่แว่นดำมันจะไม่สุภาพ ก็มีการปรับเป็นแว่นใส พอวันจันทร์โอเคคนก็ชอบ ก็เห็นสายตา เห็นน้าเน้กใส่แว่นใสบ้าง ก็บอกว่าเราทำหน้าที่ผู้ประกาศได้ดี ก็ยังมีคนท้วงติงอยู่บ้าง ว่าหนวดเคราดูรุงรังเหลือเกิน พอมาวันนี้เป็นวันอังคาร ผมก็โกนเคราทิ้งครับ แต่ก็ยังเหลืออยู่หน่อยนึงนะครับ เพราะถ้าไม่มีหนวดมันจะตลกมาก เหมือนคนไม่มีคิ้วครับ เพราะว่าโกนเคราบริเวณแก้ม บริเวณคาง บริเวณหน้าออกให้ดูเกลี้ยงเกลา เล็มหนวดให้ดูสะอาดสะอ้าน เรียบร้อย ก็โอเค นั่นแปลว่าหนึ่ง ผมก็แคร์ในคำท้วงติง วิพากษ์วิจารณ์ คนบอกดูหน้าเคราครึ้มเหลือเกิน เป็นผู้ประกาศข่าวที่หน้าตารกรุงรัง เราก็โกนหนวด โกนเคราให้ดูสะอาดสะอ้าน เล็มให้มันดูเรียบร้อย ผมว่าถ้าเรามาโดยไม่มีอะไรมาให้รายการเลย มันก็ไม่แตกต่าง แต่ความเป็นเราเดิมๆ ก็ไม่สามารถใช้กับที่นี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็เลยต้องผสมสูตรใหม่ ซึ่งถ้าเกิดจะมองเจาะลึกกันจริงๆ แล้ว ในทุกรายการของผม ผมจะทำให้มันไม่เหมือนกันเลย ใน Thailand Got Talent ผมก็จะมีอีกลุคนึง อีกคาแรคเตอร์นึง ใน Take Me Out Thailand ผมก็จะมีอีกคาแรคเตอร์นึง ใน ToNight TheNight ผมก็จะมีอีกคาแรคเตอร์นึง คือแต่ละรายการผมก็จะแยกคาแรคเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม หรือวิธีการดำเนินรายการให้มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แม้จะเป็นสายฮาเหมือนกันแต่ในรายละเอียดจะไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ยิ่งในเรื่องเล่าเช้านี้มันมีเรื่องของมารยาท แพทเทิลของความเป็นรายการข่าวอยู่ ผมก็ต้องพยายามหาตรงกลางที่ดีที่สุดครับ 

    ผมจะบอกว่าผมพิสูจน์ตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ในการทำงานทุกรายการ แล้วก็สิ่งที่ผมภาคภูมิใจแล้วผมบอกกับคนดูของผมเสมอว่า พิธีกรชื่อว่าน้าเน้กไม่เคยทำให้คุณผิดหวังตลอดเวลาที่ผ่านมาใช่ไหมครับ เพราะว่าทุกครั้งที่ทำ ผมก็จะทำอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้า เบื้องหลัง แล้วก็เสียง คือคำติชมของคุณผู้ชมมีความสำคัญกับผมมากๆ จะสังเกตว่าแว่นดำดูไม่ดี ผมใส่แว่นใส หนวดเยอะไป ผมก็โกนหนวดเลย กลัวจะหลุดหยาบคาย ผมก็ระมัดระวังตัวเองเต็มที่ แล้วก็อยากจะสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับรายการเล่าข่าวนะครับ ก็ขอบคุณทุกคำติชมครับ ก็ติดตามกันต่อไป แล้วก็คุณจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในเรื่องเล่าเช้านี้ มันไม่ใช่แค่วิธีการนำเสนอ แต่มันเป็นเนื้อหาก็จะเปลี่ยน ซึ่งผมก็จะเป็นคนช่วยพัฒนาให้รายการนี้มีอายุยืนยาวต่อไปครับ

#เรื่องเล่าเช้านี้ พิธีกรชื่อดัง น้าเน็ก อ่านข่าว ผู้สื่อข่าว บันเทิง พิธีกรฝีปากจัดจ้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments