มาดู! ชีวิตตอนนี้ของอดีตนางสาวไทย "ป๊อป อารียา" อ่านแล้วถึงกับน้ำตาคลอ
ทุกวันนี้วงการบันเทิงมีเหล่าดารานักแสดง นักร้อง ดาวรุ่งดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นมากหน้าหลายตา ซึ่งนอกจากจะมีหน้าตาที่ดีแล้ว ก็จะต้องหมั่นฝึกฝนพัฒนาฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเวลาและความนิยมแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกัน จึงทำให้มีคนบันเทิงหลายคนนั้นเลือกที่จะเฟดตัวไปทำงานด้านอื่นตามที่ฝัน
และทาง "ดาราเดลี่" ก็อยากจะย้อนวันวานถึงบรรดาดาราที่อยู่ในใจของแฟนๆ แต่อาจจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาในวงการบันเทิงตอนนี้ โดยวันนี้เราก็มีโอกาสได้พูดคุยนางสาวไทยปี 2537 "ป๊อป อารียา สิริโสดา" ที่ความสวยของเธอนั้นเป็นที่พูดถึงและชื่นชมเป็นอย่างมาก ซึ่งล่าสุดเธอก็เล่าถึงช่วงที่หายไปจากวงการบันเทิงให้ฟังว่า
"ไม่ได้ไปไหนนะคะ แต่ว่ามีภารกิจอื่นที่ตอนนี้ทำอยู่ที่เหนือ แม่เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องมีคนคอยดูแล 24 ชั่วโมง แม่เป็นโรคที่คล้ายๆ พาร์คินสันเลยค่ะ คือมือสั่น ขาสั่น ต้องมีคนป้อน คนอาบน้ำ แม่บ้านก็หายากมากๆ เลยค่ะ เราก็จะดูแลแม่ และสอนโยคะไปด้วย ก็มีคนมาเรียนโยคะกับเราเยอะมาก จนกระทั่งตอนนี้ภายในปีนี้จะสร้างบ้านอีกด้วย บ้านจะเป็นโรงเรียนโยคะ และจะเป็นสถานที่ติดริมแม่น้ำให้แม่อยู่บั้นปลายชีวิตที่ริมน้ำ และจะสร้างคอมมิวตี้ให้นักเรียนโยคะแถวมีนบุรี บางกะปิ คนก็มาเล่นกันเยอะแยะ และก็ไปสอนพิเศษที่อื่นๆ บ้าง ก็มีคนดูแลแม่ตอนเราไม่อยู่ ไม่ได้เรียกว่าเฟด ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการป๊อปเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตของวงการอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นคนที่ชอบออกงาน บอกตรงๆ เป็นคนที่ขี้เกียจแต่งตัวมากๆ เลยค่ะ แต่งหน้า ใส่ขนตา รับงานทีนึงก็จะคิดหนัก รายการวิทยุทำมา 8 ปี 96.5 FM ไม่ต้องแต่งหน้าหรือแต่งตัว ชอบมาก และก็จะไปรับงานสอนโยคะ ที่สมุย เชียงใหม่ หัวหิน หาดใหญ่ สอนไปคือไม่ต้องแต่งหน้า แต่งตัว ใส่รองเท้าแตะลากไปลากมา ได้ดูแลตัวเอง ดูแลแม่ ดูแลบ้าน มันก็ต้องทำหลายอย่างพอสมควรเลย แต่ยังรับจ๊อบบ้าง เป็นพิธีกร ไปต่างประเทศ รับงานแบบสั้นๆ ให้เล่นอะไรยาวๆ คิดยาวๆ ไม่ได้เลยค่ะ ตอนนี้คือเป็นผู้ดูแลคุณแม่อยู่ค่ะ
ส่วนเคล็ดลับในการดูแลตัวเอง คือ ต้องรู้จักตัวเองพอสมควรค่ะ ยิ่งอายุมากขึ้น เรื่องการนอนสำคัญมากนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวของเราเองมีคุณปู่เป็นเบาหวานถึงขั้นตัดขาเลยนะคะ คุณย่าเป็นมะเร็ง คุณยายก็เป็นมะเร็งในลำไส้ คุณตาก็เป็นอัลไซเมอร์นะคะ ความจำเสื่อม มันมีประวัติหลายๆ อย่างทำให้เราต้องระวังเรื่องการกิน อาหารควรจะเป็นยามากกว่าเป็นพิษ และจะไม่ดื่มน้ำอัดลม พยายามหลีกเลี่ยงอะไรที่มีน้ำตาลเยอะๆ กาแฟที่มีเยอะๆ จะไม่กินและก็ระวังเรื่องการนอนให้เพียงพอ กินน้ำให้พอ ออกกำลังกายทุกวันเลย ตอนเช้าบางทีก็ตื่นตี 5 พอแก่ก็ตื่นเช้าเองนะ ตื่นเช้าก็ไปตีเทนนิส ไปซื้อกับข้าวให้แม่ กินข้าวเสร็จ ดูแลแม่เสร็จ ก็เตรียมไปสอนโยคะ งานมันเยอะขนาดนั้นเลย ต้องดูแลค่าบ้าน ต้องไปก่อสร้างบ้านอีก วันนึงยุ่งมาก คือป๊อปหลีกเลี่ยงการเป็นผู้ใหญ่ ไม่อยากที่จะต้องแต่งงานมีครอบครัว คือเราเลือกชีวิตของเราเองตรงนี้ เรารู้สึกผู้หญิงเป็นสายที่เป็นผู้ดูแล แต่เราหนีไม่พ้นจริงๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องเข้าครัวมากขึ้น เตรียมอาหารให้แม่มากขึ้น และแม่บ้านแต่ละคนที่เข้ามาเขาก็จะใช้เตาไม่เป็น ใส่ผงชูรสในอาหารมากเกินไป ไม่ให้ใส่ผงชูรสก็ต้องสอนทุกอย่าง ต้องดูแลทุกอย่างเลยนะคะ เดี๋ยวตรงนั้นเสียตรงนั้นรั่ว มีหลายอย่างหลายเรื่องที่บางทีการเอาคนอื่นมาดูแลแม่เราด้วย เอาคนที่มาซ่อมรถ ซ่อมบ้าน ซ่อมนั่นนี่มันทำให้เรารู้เลยว่าชีวิตของคนเรามันอยู่ที่การบริหารจริงๆ บริหารเวลา บริหารการนอน ความสมดุลทุกวันเลย การนอน การอยู่ การใช้ชีวิต เราพยายามจะหลีกเลี่ยงพอสมควร ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวบ่อย มักจะหาผักสดให้แม่กินบ่อยๆ พยายามให้กินข้าวกล้อง พยายามให้แม่ขับถ่ายทุกวัน ตอนเช้าก็สอนโยคะให้แม่ด้วยนะคะ คือ แม่นั่งบนวีลแชร์นานๆ ก็จะมีแผล การที่นั่งนานๆ ทำให้หลังเจ็บ มีแผล และก็จะขับถ่ายได้ง่ายขึ้น การขับถ่ายสำคัญมากเลย เราเชื่อเรื่องการดีทอกซ์มากๆ นอน กินน้ำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และการที่ไม่ได้ขยับตัว กระเพาะมันไม่ได้เคลื่อนไหว มันก็ท้องผูก พอท้องผูกก็จะมีโรคอื่นๆ ทับซ้อนขึ้นมาอีกด้วยค่ะ
สิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่ท้อ บอกตรงๆ นะจำไว้ หนึ่งเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ พ่อแม่พี่น้องเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เขาเป็นยังไงก็จะเป็นอย่างงั้น ต้องยอมรับเขาให้ได้ เราเปลี่ยนเขาไม่ได้ ถ้าเรารับตรงนี้ไม่ได้ก็จะทุกข์ตลอดชีวิตเลย และเมื่อไหร่เราท้อขึ้นมานะ ให้คิดข้อดีของเขา บางทีเราท้อหนัก ทำไมแม่ตะคอกว่าอะไรขึ้นมา น้อยใจขึ้นมา ออกไปข้างนอก ไปตีเทนนิสกับแม่ไม่ได้ให้มาออกกับลูกเทนนิส เล่นกีฬาให้มันเหนื่อยกลับมา ไม่เก็บมาคิด และอีกอย่างที่ช่วยได้คือการที่เราไปสอนโยคะ เจอนักเรียนหลายๆ คน หลายๆ อายุ วัยรุ่นไปจนถึง 60 กว่า หลายแบบ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคนนึงถูกสามีทิ้ง เขาบอกเคยมาเล่นกับสามีเขา สามีก็มีเด็กใหม่ เขาก็ร้องไห้ เล่นโยคะกัน 6 คนก็ต้องมาปลอบใจ ทำให้เราเป็นคอมมิวตี้ หาเพื่อนมาคุยกัน ให้เขาคิดระยะสั้น ให้เขาหาเพื่อนให้ได้ ให้กำลังใจคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี ช่วยชีวิตเรา เวลาเราฟังปัญหาคนอื่น หายทุกข์เลย โอเคฉันยังโชคดี ต้องดูแลตัวเองให้ดี ดูแลจิตใจให้ดี ดูแลร่างกายให้ดี ก็เป็นแรงบันดาลใจของเรา ทุกวันนักเรียนโยคะก็จะจำชื่อแม่ได้ แม่ก็จะจำชื่อนักเรียนโยคะทุกคน คือให้ทดสอบสมอง นักเรียนมีของมาฝากแม่ มีมะม่วง มีทุเรียนให้ มีของมาฝากให้ครูไงแต่จะให้แม่เราแทน แม่ก็จะยิ้มแป้นมากเลย เขาก็จะมีความสุข มีคนมาเยี่ยมเขา มันมีชีวิตชีวาในบ้าน คุณแม่อายุมากขึ้น 70 กว่าแล้ว แม่อยู่กับบ้าน ไม่ได้ออกมาหลายเดือนแล้วค่ะ ในความคิดของเขาคือต้องอยู่บ้าน ดูครัวคุณต๋อยให้ได้ ดูรายการของเขา ไม่ยอมไปไหนเดี๋ยวไม่ได้ดูรายการ เขาจะติดทีวี ติดละคร กลัวการเข้าห้องน้ำ กลัวเข้าไม่ทัน กลัวห้องน้ำคนพิการไม่มี จะชอบให้คนมาที่บ้านมากกว่า แม่ก็จะยิ้มขึ้นความสุขของเราตอนนี้คือเห็นรอยยิ้มของแม่ค่ะ
ท้ายสุดขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอบคุณที่เดินมาหา ยังทักทายและก็ถามถึงแม่เรา เราอบอุ่นดีนะ อบอุ่นมากเลย รู้สึกคิดถูกมากที่อยู่ประเทศไทย เรารู้สึกว่ามันอบอุ่นใจมากคือป๊อปเติบโตที่อเมริกามา 20 กว่าปี คุณแม่ทำงานบริษัท 30 กว่าปี พ่อ แม่ น้อง ทุกคน จริงแล้วเราควรอยู่ที่อเมริกาแต่มันไม่รู้สึกเป็นบ้าน แต่ตอนที่ป๊อปมาเมืองไทยตอนนี้มันคือได้เจอนักเรียน ได้เจอคนที่เข้ามาในชีวิตเราด้วยความรัก หลายคนคือไม่ได้มาเพราะเราเป็นดารานะ คือหลายคนเล่นโยคะกับเรามาหลายปีด้วย 2-3 ปีแล้ว คือเข้ามาด้วยความศรัทธาเรา รักเรา เราก็เต็มที่กับเขา ใครเต็มที่กับเราเราก็เต็มที่กับเขาแค่นั้นเอง เรารู้สึกปริ่มใจสบายใจที่ได้รับความรักเยอะๆ รอบตัว"