เปิดเส้นทางสัมพันธ์ "แม็ค-ปุยฝ้าย" รีเทิร์นรักเชื่อใจกันด้วยการรับศีล!
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคู่รัก "แม็ค วีรคณิศร์" และ "ปุยฝ้าย ณัฏฐพัชร" ได้ยุติความสัมพันธ์หลังจากคบหาดูใจกันมานานหลายปี ซึ่งทั้งสองก็ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลังจากนั้นมาทางฝ่ายชายก็ได้พิสูจน์ตัวเองจนความรักของทั้งสองกลับมาดีกันเช่นเดิม และดูจะมีโมเมนต์หวานมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเราได้มีโอกาสพูดคุยกับทางสองฝ่ายถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ทั้งสองตัดสินใจรีเทิร์น
โดยฝ่ายชายเริ่มเล่าว่า "ก็ชัดเจนแล้วครับ จริงๆ เราก็เปิดเผยมานานแล้ว ก่อนหน้านี้มันมีช่วงดูๆ กันเพราะเราก็โตกันแล้ว คือกลับมาก็ค่อยๆ เรียนรู้กัน แก้ไขในส่วนดี ไม่ดี ปรับปรุงเข้าหากันมากขึ้น อย่างตัวแม็คเองมันเหมือนกับว่า เราสนใจในเรื่องธรรมะมากขึ้น ก็จริงจังขนาดที่ว่าเริ่มรับศีล มีรับศีลมา 3 ข้อแล้ว คือมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะ เพราะทั้งผมกับฝ้ายก็รับศีลทั้งคู่ ศีลเสมอกัน เรารับศีลกัน มีทั้งข้อแรก คือปานา ไม่ฆ่าสัตว์ เราก็มองว่าถ้าเกิดคนเรามีโอกาสที่จะฆ่าสัตว์มากสุดคืออะไร ก็คือตียุงใช่ไหมครับ ก็เลยคิดว่าวงจรชีวิตเค้ามันก็สั้น ไม่เห็นต้องไปตีเค้าเลย อย่างเก่งเราก็หาพวกตะไคร้หอมมาฉีด ใช้ยากันยุงก็จบแล้ว แล้วก็ 2 อทินนา คือเราไม่ได้ไปขโมยของใครอยู่แล้ว เงินพอหาได้ ทำไมต้องไปขโมย แล้วข้อ 3 คือกาเม เราจะไม่ประพฤติผิดในกาม ใครมีเจ้าของเราก็จะไม่ยุ่ง เรามีเจ้าของเราก็จะไม่ยุ่งกับใคร เป็นการรักษาศีลตลอดชีวิต ความเชื่อของเรากำลังเชื่อว่าการไปรับศีลมันเหมือนเป็นพิธีเลย เหมือนเป็นการสาบานต่อหน้าพระพุทธเจ้า หน้าเจดีย์ใหญ่ เหมือนศีลก็จะคุ้มครองเราด้วย อันนี้เป็นความเชื่อของเรานะ
ผมว่าหลักๆ ในตัวของฝ้ายเค้าก็เป็นคนค่อนข้างเชื่อในเรื่องของดวง เรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าเป็นผลพวงที่ทำให้เค้าสบายใจขึ้น ผมก็ดีใจ แต่หลักๆ ทางเราชาวพุทธ การปฏิบัติธรรม การรักษาศีล คือใครทำ ใครได้ เราทำเองก็ได้เอง มันไม่มีใครจะได้จากการที่เราทำหรอก เราทำก็เกิดกุศลกับตัวเอง การปฏิบัติธรรมมันคือต่างคนต่างทำ ต่างคนเกิดมาคนเดียว ตายก็ตายไปคนเดียว มันคือหลักของพุทธศาสนา สุดท้ายแล้วมันก็มีแค่ตัวเราเองแหละ เราก็เรียนรู้มาแบบนั้นนะ อีกสิ่งนึงที่ผมชื่นใจคือ แม่ผมบอกผมว่าหม่าม๊าดีใจมากๆ ที่ผมรับศีลถึง 3 ข้อแล้วเพราะเค้ารับไป 4 ข้อแล้ว เค้าก็ดีใจที่ลูกรับ เหมือนยังไม่ได้แก่มากแต่ลูกก็สนใจทางนี้ เค้าก็ภูมิใจที่เราเลือกชีวิตทางนี้ มันก็เป็นสิ่งนึงที่ดีใจ"
ส่วนทางสาว "ฝ้าย" ก็ได้เผยถึงเรื่องที่ทำให้เธอใจอ่อนยอมคืนดีว่า "การที่เค้าไปรับศีลเพราะว่าฝ้ายก็นับถือพุทธศาสนา แล้วสำหรับฝ้ายการไปรับศีลของฝ้ายมันเหมือนการให้คำมั่นสัญญาว่าเราจะไม่ทำให้เสียใจอีก แล้วศีลเค้าก็ไปรับข้อ 1 ,2 ,3 มา ข้อ 3 ก็คือเรื่องเจ้าชู้ คือเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ ณ เวลานี้เราถือว่าเค้ากล้าทำ กล้าพิสูจน์ให้เราเห็น แล้วเค้าก็ไปขอขมา ไปไหว้พ่อกับแม่เรา เราก็ถือว่าเค้าบริสุทธิ์ใจ และที่ผ่านมาเค้าก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีมาก่อน มันเป็นครั้งแรก สิ่งที่ดีมันเยอะกว่าเรื่องไม่ดี เราก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ลองให้โอกาสเราอาจจะเสียใจเองก็ได้ ก็เลยอยากลองให้โอกาสกันดู แล้วก็ทำให้ดีที่สุดค่ะ เราถือว่าที่ผ่านมามันเป็นประสบการณ์ เป็นบทเรียน เราก็มีข้อเสียที่ต้องปรับ เค้าเองก็ต้องปรับ ถ้าปรับแล้วมันยังไม่ดีอีกก็แสดงว่ามันคงไม่ใช่แล้วแหละ ก็ให้มันรู้กันไป ให้ระยะเวลามันตอบเราเองดีกว่า แต่ทุกวันนี้มันดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน"
นอกจากเรื่องนี้หนุ่ม "แม็ค" ก็ยังเล่าต่ออีกว่า "เราเรียนรู้นิสัยของผู้หญิงมากขึ้น ว่าเค้ามีความละเอียดอ่อน มีเรื่องของรายละเอียดยิบย่อย ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เค้าประทับใจ สบายใจ แต่ก่อนแม็คจะรู้สึกว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราก็เป็นเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเราเริ่มสนใจรายละเอียดมากขึ้น แสดงออกมากขึ้น ผมเชื่อว่ามันทำให้ฝ้ายเค้ารู้สึกว่าเค้ามีความสุข มีความสำคัญมากขึ้น ก็แสดงออกมากขึ้น จริงๆ เค้าสำคัญอยู่แล้ว แต่ผู้ชายจะไม่ได้แสดงออกเวอร์แบบนั้น แต่ตอนนี้ผมก็เรียนรู้ที่จะทำให้เค้ามากขึ้นในส่วนนี้ แล้วผมก็เชื่อว่าพอเราโตขึ้น เราเป็นผู้ชาย เราต้องเป็นผู้นำ เราก็อยากจะดูแลในส่วนนี้ให้ดีที่สุด ตั้งใจทำทุกอย่างให้เต็มที่ นิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรืออะไรก็ตามครับ
ตอนง้อจริงๆ แล้วแม็คกับฝ้ายมันไม่เหมือนเป็นฟีลง้อกันเลยเพราะเราสนิทกันอยู่แล้ว คือเรื่องราวที่ผ่านมาอะไรที่เกิดขึ้น พอจบก็คือจบ แล้วคือเริ่มกลับมาคุยกันคือโอเค ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ก็ลองคุยกันเป็นเพื่อนก่อน แล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ดูแลกัน เพราะตอนที่เราเริ่มกลับมาคุยกันฝ้ายก็ไม่ได้มีใคร แม็คก็ไม่ได้มีใคร
มันเริ่มต้นจากวันนึง วันนั้นฝ้ายไม่สบาย แม็คก็ไม่รู้แต่แค่โทรถามฝ้ายในเรื่องของงาน แล้วคุยกันว่าฝ้ายไม่สบาย ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวพี่แม็คไปรับที่คอนโดฯ ก็ไปโรงพยาบาลเลยมีโอกาสได้เจอกันหลังจากที่ไม่ได้เจอนาน หลังจากนั้นก็คือยาวเลย คุยต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ เราทั้งคู่ต่างรู้จักกันดีมากๆ ผมรู้ว่าอย่างฝ้ายเค้ามาจากต่างจังหวัด ทุกวันนี้อยู่คอนโดฯ ก็อยู่คนเดียว เวลาอยู่คนเดียวแล้วป่วย ผมเข้าใจ คงเป็นฟีลที่รู้สึกแย่น่าดู ที่เวลาเราป่วยแล้วไม่มีใครดูแล ก็เห็นใจเค้าครับ"
ด้านฝ่ายหญิงก็พูดถึงความรักในตอนนี้ต่อว่า "ก็โอเคค่ะ ดีมากๆ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ ผ่านการปรับตัวกันมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าดี ดีกว่าเมื่อก่อนด้วย เค้าก็ปรับตัวด้วย อะไรก็ตามที่มันเป็นสิ่งที่เค้ารู้แล้วว่ามันไม่ดี เค้าก็ปรับให้เรา อย่างเราเองเราก็ปรับให้เค้าในสิ่งไม่ดีของเรา เราคบกันด้วยความเข้าใจมากขึ้น เค้าน่ารักขึ้นเยอะมาก เอาใจใส่ ละเอียดอ่อนมากขึ้นค่ะ
อย่างล่าสุดมีเซอร์ไพรส์ของขวัญวันเกิดให้เค้าด้วย ปกติตั้งแต่ช่วงที่คบกันก่อนหน้านั้นก็ทำเป็นประจำ แล้วก็ปีนี้ฝ้ายก็ทราบว่าเค้าบ้ารองเท้ามาก เราก็เลยไปสืบ ไปค้นมาว่าซื้อได้ที่ไหน แล้วจังหวะดีที่เค้ามาเปิดขายที่ไทยพอดี ก็ไปต่อคิวค่ะ แล้วพอเค้าได้เค้าก็กรี๊ดมาก เค้าเคยพูดอยู่ว่าเค้าอยากได้ เค้าชอบ พอได้มาเราก็โล่งใจเพราะมันก็เป็นของที่เค้าสะสมอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ที่เราให้ของขวัญเค้า เราจะดูว่าเค้าอยากได้อะไรเพราะว่าปกติก็จะแชร์กัน คุยกันไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว มันก็จะเห็นอยู่แล้วว่าเค้าอยากได้อะไร แล้วเราก็เป็นคนช่างสังเกต เราจะฟังเค้า ฟังแล้วก็เก็บข้อมูล แล้วเค้าก็จะเซอร์ไพรส์ว่าเธอจำได้ด้วย ส่วนเค้าก็มีโมเมนต์หวานๆ วันวาเลนไทน์ วันเกิด วันครบรอบก็มีค่ะ"
สำหรับเรื่องแพลนแต่งงาน ฝ่ายชายก็เผยว่า "พูดตรงๆ ว่าเราคบกันเราก็จริงจัง พยายามทำให้ดีที่สุด ทุกวันนี้ก็พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวให้ดีที่สุดก่อน ต่างฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่ มีครอบครัว มีพ่อแม่ที่ต้องดูแลให้ดีที่สุดก่อน อย่างแม็คเองก็ต้องโฟกัสกับการดูแลครอบครัว ทำงานตัวเองให้ดี ต้องช่วยเหลือ ดูแลกิจการของครอบครัว ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดก่อน ฝ้ายเค้าเองก็เหมือนกันครับ เราก็คุยกันว่าจะทำตรงนั้นให้ดีที่สุดก่อน แล้วถ้าวันนึงมันใช่ รากฐานมันแน่น ถ้ามันพร้อมมันก็พร้อมเอง ไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะต้องเมื่อไหร่ คือผมคบใครผมก็จริงจังครับ ไม่งั้นคงไม่คบกันมานานขนาดนี้ เวลามันก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ ชีวิตของเค้า เค้าเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ มันก็มีเวลาที่มันเดินหน้าไป ถ้าเกิดว่าเราอยู่ด้วยกันแล้วเราไม่จริงจัง คบไปมันก็เหมือนกินเวลาเค้าแบบนี้ เราไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ ครับ มันต้องคิด แล้วก็ต้องรับผิดชอบเค้าด้วยในส่วนนี้ ถ้ามันใช่เราก็ต้องเดินหน้าให้ดีที่สุด ถ้ามันไม่ใช่ก็ต้องรีบบอกกัน เราคิดอย่างนั้นกันมาตลอดครับ คำตอบก็คือว่าจริงจังครับ และจะพยายามทำให้ดีที่สุด ยิ่งโตเรายิ่งต้องคิดครับ ต้องเห็นใจผู้หญิงด้วยครับ"