"เจมส์จิ" ควงผู้จัดการเผยแพลนการทำงานที่ญี่ปุ่นสองเดือน
เรียกว่ากระแสดีไม่มีตกเลยทีเดียว สำหรับหนุ่มสุดฮอต "เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข" ที่ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้บอนไปร่วมงานที่ประเทศเกาหลีมาแล้ว คราวนี้เจ้าตัวก็กำลังจะบินไปร่วมงานที่ญี่ปุ่นบ้าง โดยล่าสุดหนุ่ม "เจมส์จิ" ก็ได้ออกมาเผยรายละเอียดพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว "ปิ๊ก ชาญฉลาด ทวีทรัพย์" ว่า
"วันที่ 9 ก.ย.นี้ เตรียมบินไปญี่ปุ่นเพื่อไปเก็บประสบการณ์ ครั้งนี้ก็จะไปเรียนร้อง เต้น กีต้าร์ และมีโปรเจ็คท์ทำเพลง ซึ่งที่จริงมันเป็นสิ่งที่ผมเคยทำมาแล้ว แต่ก็ไปพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้น ก็เก็บสไตล์เก็บความรู้มา และปรับให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด เพื่อมาเตรียมเซอร์ไพรส์แฟน ๆ อีกครั้งหนึ่ง
การเตรียมตัวตอนนี้ก็เตรียมร่างกาย เรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งครั้งนี้ก็จะไปประมาณ 2 เดือน หรือประมาณ 8 สัปดาห์ แต่ก็จะมีช่วงหนึ่งที่จะกลับมาสอบและถ่ายละครต่อ เพื่อปิดละคร 'ปดิวรัดา' ครั้งนี้ที่ไปญี่ปุ่นไปนานกว่าตอนที่ไปเกาหลีมาก ๆ เกร็งและกลัวบ้าง เพราะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จะนำสิ่งที่ไม่ได้เรียนรู้จากที่เกาหลี เช่นวัฒนธรรมหรือสิ่งต่าง ๆ เพื่อเปิดโลกเรียนรู้ให้มากขึ้น และจะนำกลับมาให้ได้กับแฟน ๆ
ตอนนี้ก็มีทั้งคนไทยที่ญี่ปุ่นหรือคนญี่ปุ่นบางส่วนที่ติดตาม ถ้าอยากเจอก็มาเจอกันได้ ส่วนแฟน ๆ ที่ไทยที่คิดถึง รอกลับมามีอะไรมาฝากแน่นอน แต่ยังไม่ใช่แพลนจัดคอนเสิร์ตเพราะเพิ่งจัดไปไม่นาน"
ด้านหนุ่ม "ปิ๊ก" กล่าวต่อว่า "การไปครั้งนี้ ก็ถือเป็นการต่อยอดอีกครั้งหนึ่งเพราะว่าคนเราควรจะเรียนรู้กันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยการไปญี่ปุ่นเราก็เตรียมแพลนให้เจมส์เป็นตารางจันทร์ถึงศุกร์เลย คือตื่นขึ้นมาก็เรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อเอาสำเนียงมาใช้ในการร้องเพลง โชคดีครูที่สอนเต้นท่านนี้เคยเป็นแดนซ์เซอร์ให้กับมาดอนน่า เลยสามารถจะครีเอทท่าเต้นที่มันเหมาะกับเพลงและเจมส์ได้ ส่วนเพลงที่จะทำก็เป็นเพลงญี่ปุ่น แต่ก็จะผสมผสานภาษาอังกฤษ ไทยลงไป และอาจจะนำกลับมาให้คนไทยได้ฟังกันช่วงเดือน 3 เดือน 4 ปีหน้า เหตุผลที่เลือกไปญี่ปุ่นเพราะว่าครั้งที่แล้วเราไปเกาหลีอยู่ในค่ายทั้งหมด แต่การมาอยู่ญี่ปุ่นในครั้งนี้เราจะมีการออกไปทำงานข้างนอกด้วย โดยเอเจนซี่ทางนั้นก็จะทำหน้าที่ดูให้ว่าถ้ามีโอกาสถ่ายแมกกาซีนก็จะถ่าย โฆษณา หรือได้ไปออกทอล์คโชว์หรืออะไรต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้มีแพลนค่อนข้างหลากหลาย และก็ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทหนึ่งไว้ 3 ปีและนี่ก็เป็นปีแรกที่เราได้เริ่มต้นไปทำงานที่นั่น ไม่ถึงขนาดไปเป็นศิลปินที่ญี่ปุ่นแบบเต็มตัว แค่มองเป็นโปรเจ็คท์มากกว่า ไม่ได้โกอินเตอร์เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับตัวของเจมส์ และได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากกว่า"