"ไชยา" เผยน้อยใจพ่อคิดฆ่าตัวตาย

"ไชยา" เผยน้อยใจพ่อคิดฆ่าตัวตาย

1

         ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปออกรายการหนึ่ง แล้วเผยออกมาว่าเคยน้อยใจพ่อขนาดคิดสั้นคิดจะขับรถด้วยความเร็วสูงพุ่งชนเสาไฟข้างถนน ล่าสุดเมื่อได้เจอ "ไชยา" จึงได้สอบถามถึงวินาทีนั้นว่ามีอะไรดลใจให้ไม่ทำ ส่วนเรื่องน้องสาว "แอน มิตรชัย" ที่ตอนนี้โกอินเตอร์เล่นภาพยนตร์ไกลถึงประเทศอินเดีย ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาเมืองไทย ซึ่งไชยาเผยว่ารู้สึกภูมิใจในตัวน้องมาก และตอนนี้หนังก็ฉายในแถบยุโรปไปแล้ว

เห็นว่าไปออกรายการหนึ่งบอกเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย?
        "อ่อ อันนี้ก็นานพอสมควรแล้ว จริงๆ ด้วยอาชีพการงานของเรา เราเหนื่อย มีคุณพ่อกำกับเวทีอยู่ด้วย วันนั้นรู้สึกว่าไม่ได้ทานข้าว ไปงานหลายงานเรารู้สึกเหนื่อย แต่งหน้าไปแล้วออกไม่ทันนิดเดียว แต่การแสดงมันต้องเป๊ะ เป็นเวทีมาตรฐาน คุณพ่อก็เลยเอ็ดเอา"

ได้พูดอะไรกับคุณพ่อบ้าง?
        "ไม่พูดครับ เราก็นั่งนิ่งน้ำตาซึม คุณพ่อไม่เคยถามลูกเลยนะว่ากินข้าวแล้วหรือยัง สุดท้ายมันเกิดความน้อยใจเลยคว้ากุญแจรถคิดสั้นจะไปชนเสาไฟฟ้า แต่พอดีมีแฟนๆ เห็น เพราะปกติเราจะนั่งรถตู้ พอเห็นเราคว้ากุญแจรถ แฟนๆ เลยขับรถตาม เขารักและห่วงใยเรา อยากจะบอกมันก็มีผลดีอยู่ บวชเรียนแล้ว เรารู้เลยว่าคิดสั้นในวันนั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ แล้วคุณพ่อก็ทำงานของเขา ตอนนี้ได้กับตัวแล้ว พอเป็นผู้กำกับเวทีใครออกไม่ทันก็โมโห มีความรู้สึกว่าถ้าเราคิดสั้นในตอนนั้น อีกหลายชีวิตต้องเสียใจเพราะเราแน่นอน"

ทะเลาะกันบ่อยไหม?
        "ตอนนั้นบ่อยมากครับ แต่ตอนนี้รักมาก รักที่สุด ความรักของใครที่มอบให้เราก็ไม่เท่ากับพ่อแม่ ที่มีคนพูดไงครับว่าให้คนอื่นรักเรายังไงก็แล้วแต่ สู้ที่พ่อแม่เบื่อเราก็ไม่ได้ เบื่อเรา ว่าเรา ท่านติเพื่อก่อ ทั้งพ่อทั้งแม่ ครูอาจารย์"

แสดงว่ามีการคุยกันมากขึ้น?
        "คุยครับ คุยกันมากขึ้น ปกติเป็นคนขี้อายมาก ช่วงวันเกิดที่จะทำเลยก็คือตักบาตรแล้วจะยกข้าวยกน้ำให้พ่อแม่ก่อน ฝากเอาไว้เลยครับ อันนี้ทำแล้วเจริญจริงๆ กราบพ่อกราบแม่ขอศีลขอพรจากท่าน แม้ท่านไม่อวยพรแต่ท่านเกิดปีติในใจ สิ่งที่เราได้ก็คือได้เป็นเหมือนลูกกตัญญู ได้มาโดยไม่รู้ตัว"

คุณพ่อยังมีน้อยใจบ้าง?
        "มีครับด้วยคนทำงาน อันนั้นน้อยใจเรื่องงาน ที่ขับไปเพราะมันเครียดมาก เราเหนื่อยที่น้องก็ไม่อยู่ เราคนเดียวเลยบนเวทีในตอนนั้น แล้วท่านก็เหนื่อย ไม่กล้าอีกแล้ว เราลืมคิดถึงจุดนี้ไปครับ เหมือนเล่นกับไฟโลกันต์"

ได้ไปขอขมาท่านไหม?
        "ครับ ขอเลย ขอแล้วต้องกราบ พอเราได้สติกลับมาก็บอกพ่อหนูขอโทษนะ แล้วก็บอกว่าพ่ออย่าถือโทษโกรธลูกนะ เพราะถือเป็นบาปที่ติดตัวไป  การที่ทำให้พ่อแม่แค่น้ำตาเอ่อ น้ำตาคลอ ก็ถือว่าเอาขาแหย่นรกแล้วครับ"

แล้วน้องล่ะคะ?

        "คือจริงๆ ก็ไม่อยากกล่าวถึง อยากให้เขามาพูดเอง เพราะว่าจริงๆ แล้วได้เจอกับน้องเมื่อเดือนที่แล้ว ปลื้มใจมาก ขอบอกกับสื่อก่อนนะว่าวันนั้นผมให้ข่าวสื่อผิดไปว่าหนังน้องฉายที่อินเดียไปแล้ว แต่จริงๆ ยังไม่เข้าที่อินเดีย  ถูกยุโรปซื้อไปก่อน ฉายที่เบอร์ลิน อะไรพวกนี้"

เรียกว่าตอนนี้น้องโกอินเตอร์แล้ว?
        "ครับ เพราะเขาซื้อหนังของอินเดียที่แอนเล่นไปฉาย ผมก็เพิ่งจะทราบ ไม่ได้คุยกันเลย เพราะเขาทำงานเป็นระเบียบกันจริงๆ พอน้องพูดมาอย่างนี้เราก็เลยดีใจ โล่งใจไป ถ้ามีโอกาสจะต้องบอกบ้าง จะไม่พูดอะไรมาก อีกอย่างตอนนี้เดินสายไปสิงคโปร์ ตอนนั้นโทร.ไปกำลังอยู่ที่สิงคโปร์"

น้องจะกลับมาไทยบ้างไหม?
        "มีครับ พอมี เดี๋ยวขอให้แน่นอนก่อน"

น้องมีบ่นชีวิตการทำงานบ้างไหม?
        "น้องเหนื่อย พี่เอก็อย่าเหนื่อยมากนะ พอคุยก็แฮปปี้มาก เรารู้แล้วว่าลิมิตของน้องอยู่ตรงไหน น้องอยู่ยังไง"

ส่วนตัว "พี่เอ" ปลื้มไหม?
        "ปลื้มครับ ปลื้มที่น้องไม่ลืมวัฒนธรรมไทย เขายังมีเป้าหมายอยู่อีกว่า เขาจะเอาวัฒนธรรมไทยของเราไปเผยแพร่ให้ได้ มีความรู้สึกดีใจมากๆ ก็เลยบอกว่าทำไปเหอะ ทำสิ่งที่ถูกต้องไป พี่เป็นกำลังใจให้ แต่ถ้าวันไหนมันเหนื่อยก็ขอลาเขากลับมาบ้านเรา มาหาพ่อมาหาแม่มาเจอกัน พ่อยังน้อยใจอยู่ว่าทุกวันนี้พ่อโทร.หาไม่ติด เราเองก็โทร.ไม่ติด"   ♦

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments