ผมเขียนถึงตลอดว่า 3 หัวใจหลักของรายการทีวี ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ 1.ละคร 2.รายการข่าว 3.เกมโชว์-วาไรตี้ ขณะที่สัดส่วนกระแสนิยมที่เพิ่มขึ้นตลอด และเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ "รายการข่าว"
ทุกสถานีจึงหันมาบุก "รายการข่าว" อย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อ ไม่ให้ตกขบวนรถ บางสถานีก็ทําตามแฟชั่น มีเหมือนไม่มี ขาดจุดขาย ไม่มีอะไรเป็นโฟกัส น่าเสียดายแทน
รายการข่าวช่อง 5 ปัจจุบัน ว่าไปแล้วน่าสนใจกว่าหลายๆ ช่องด้วยซ้ำ กําลังสําคัญของรายการข่าวช่อง 5 ล้วนมีคุณภาพ มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ถ้าใช้เวลาอีกนิด ให้ความสําคัญกับภาคข่าวอย่างที่เป็นอยู่ แบบว่า เอาจริงๆ จังๆ ช่องไหนก็ทําอะไรช่อง 5 ไม่ได้ พัฒนาการภาคข่าวช่อง 5 ได้รับการ "ปรุงแต่ง" ตั้งแต่ยุค "พลเอก กิตติทัศน์ บําเหน็จพันธ์ุ" อดีตผอ.คนที่แล้ว ที่ใส่ใจกับเรื่องนี้ และ เอาจริงเอาจัง ถึงขั้นควักเงิน 60 กว่าล้านทําห้องส่งใหม่ ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วย
ต่อเนื่องมาถึง "พลโทฉัตรชัย สาริกัลยะ" ผอ.ช่อง 5 คนปัจจุบัน ที่หั่นเวลาจากผังรายการมาเติมให้กับภาคข่าว จากเดิมเฉลี่ยอาทิตย์ละ 42 ชั่วโมง เติมใส่ให้เต็มเหยียด 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อนาคตคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเวลาภาคข่าวมากกว่านี้
"ข่าวต้นชั่วโมง" หรือที่ชาวบ้านรู้จัก "ข่าวคั่นเวลา" เดิมทีมีเวลากระจิดริด 5 นาที พิธีกรอ้าปากยังไม่ได้พูด ก็ปาไปแล้ว 1 นาที ยังไม่ได้สาระอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็จบแล้ว แต่ปัจจุบันเพิ่มเวลาเป็น 10 นาที เวลา 5 นาทีที่เพิ่มขึ้น ถ้าเอาไปขายให้ผู้จัดฯ มาผลิตรายการ เชื่อว่าช่อง 5 รับเละ เพราะมีอยู่แทบทุกช่วงในต้นชั่วโมง แต่ช่อง 5 เดี๋ยวนี้ไม่ได้งกเงิน แค่ที่เป็นอยู่ก็กําไรอื้อซ่า จึงคืนกําไรให้กับคนดู ด้วยการเพิ่มเวลาข่าว คนดูจะได้อิ่มกับสาระที่ได้รับ
ภาพรวมของภาคข่าวช่อง 5 ถ้าใครที่เป็นแฟนประจํา จะเห็นว่า ไม่ได้เป็น "วาไรตี้ข่าว" เหมือนที่หลายช่องกําลังเป็น แต่เน้นเนื้อข่าว เอาความสามารถเฉพาะตัวของบุคลากรข่าวที่สถานีมีออกมาใช้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่สถานีตีกรอบเอาไว้คือ "รอบ-ลึก-สร้างสรรค์"
ตั้งแต่เปิดสถานีจนปิดสถานี ช่อง 5 มีข่าวหลายช่วงให้ดู แต่ละรายการต้องบอกว่ากดรีโมทแช่ไว้ได้เลย มีความน่าสนใจ มีคอนเซ็ปต์ของตัวเอง ที่สําคัญคือ เอาคน "รู้ดี" ในแขนงนั้นๆ มานั่งประกบกับคนข่าวของสถานี ทุกประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจึงรู้ที่มา-ที่ไป ไม่ใช่ประเภทน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ดูจบยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดเรื่องอะไร?
"ข่าว 5 หน้า 1" เป็นหัวใจสําคัญอีกห้องของภาคข่าวช่อง 5 ที่ใช้ความลึกของเนื้อข่าว และคุณภาพพิธีกรมาสู้กับรายการเช้าของสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ซึ่งทําได้ดี เพราะดูจากเรตติ้งขยับอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจาก "คอข่าว" เบื่อหน่ายกับรายการข่าวประเภท "ขาประจํา" ที่วนเวียนซ้ำซากทั้งปีทั้งชาติ กดรีโมทมาดู "ข่าว 5 หน้า 1" แทน เพราะสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ เฉพาะพิธีกรประจําที่นั่งอยู่หน้าจอ คุ้มเกินคุ้ม อาทิ ชลรัศมี งาทวีสุข, กร เกียรติเฟื่องฟุ้ง, เขมสรณ์ หนูขาว, วสุ แสงสิงแก้ว และ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
พิธีกรแต่ละคนมี "จุดเด่น" คนละด้าน เมื่อนําออกมาใช้สามารถเสริมซึ่งกันและกัน จนทําให้ "ข่าว 5 หน้า 1" สมบูรณ์และแข็งแกร่ง
ชลรัศมี, เขมสรณ์ ไม่ใช่พิธีกรข่าวประเภทสวยอย่างเดียวแต่สวยและมีสมอง มีมุมมองที่ดี อยู่ในสนามข่าวมานาน จึงรู้จักหยิบประเด็น จัดลําดับความสําคัญกับข่าวอะไรก่อน-หลังได้ดี ดูแล้วไม่สับสนวกไปวนมา
กร เกียรติเฟื่องฟุ้ง อาจจะเป็นหน้าใหม่สําหรับ "คอข่าว" จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากต่างประเทศ เป็นพิธีกรมาแล้วหลายช่อง หลายรายการ แต่มาเปรี้ยงกับ "ข่าว 5 หน้า 1" นอกจากจะรูปหล่อประเภทพระเอกละครยังอายม้วน มุมมองของเขาถือว่าเฉียบคมทีเดียว
ขณะที่ วสุ แสงสิงแก้ว รอบรู้ในเรื่องต่างประเทศ เพราะเป็นข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ เมื่อมาบวกกับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เป็นกูรูคนหนึ่งด้านเศรษฐกิจ ที่ผ่านงานภาคธุรกิจเอกชนมาแล้วหลายบริษัท เลยทําให้รายการลงตัว เพราะล้วนแต่เป็นคน "รู้จริง" ที่มานั่งวิเคราะห์ข่าว นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรับเชิญจากข้างนอกหมุนเวียนสับเปลี่ยนมาให้ความรู้และทัศนะ เป็นการเสริมเพื่อให้ "คอข่าว" ได้อะไรที่มากกว่ารายการปกติ
สายอีกนิดยังมีรายการคุยข่าว ที่ให้สาระหลากหลายในแวดวงต่างๆ ต่อจากนั้นดูสนามเป้าข่าวเที่ยง ซึ่งมี จักรพันธ์ุ ยมจินดา มือเก๋าด้านข่าวสารเป็นพิธีกรคู่กับ "เอิ๊ก-พรหมพร" ดึกหน่อยประมาณ 4 ทุ่ม "จับประเด็นข่าวร้อน" นําข่าวที่น่าสนใจในแต่ละวันมานําเสนอ เป็นการสรุปข่าวฮอตที่เกิดขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยข่าวภาคดึก
ถูกต้องแล้วที่ผอ.ช่อง 5 ให้ความสําคัญกับภาคข่าว ใส่ใจในรายละเอียดของรายการ เป็นการแข่งขันกับตัวเอง ที่คนดูได้ประโยชน์ล้วนๆ อย่าไปใส่ใจกับกระแสปากข้างนอก การเอา "ผลงาน" เป็นเครื่องพิสูจน์ ถือว่าเดินมาถูกทางแล้วครับ!! ♦