ที่หลายคนมองว่าสื่อใหม่เหล่านี้จะมาแย่งคนดูและแย่งเม็ดเงินไปจากบรรดาฟรีทีวีทั้งหลาย สําหรับประเด็นนี้ บอสใหญ่แห่งช่อง 3 "ประวิทย์ มาลีนนท์" กล่าวว่า
"เรื่องมาแชร์ตัวเงินคงไม่เท่าไหร่ แต่มันแยกคนดูจากที่ดูฟรีทีวีออกไปเป็นกลุ่มๆ เลย คือผลสํารวจเขาออกมาบอกว่า คนดูฟรีทีวี มันน้อยลงทุกวัน แต่ผมเถียงว่าไม่น้อยลงหรอก แต่คนดูเขาเปลี่ยนวิธีดู บางคนเมื่อก่อนเคยดูฟรีทีวีผ่านระบบเสาอากาศ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไปดูผ่านทรู ซึ่งเขาก็ยังดูช่องฟรีทีวี 3-5-7-9 เหมือนเดิม แต่ว่าตรงช่อง3-5-7-9 ตรงนั้นเนี่ย บริษัทสํารวจเขาไม่ได้ตามสํารวจ ไม่ได้ตามไปวัดตรงนั้น แล้วเขาก็บอกว่าของฟรีทีวีมีคนดูน้อยลง
จริงๆ แล้วคนดูเราน่าจะมากขึ้น เพราะว่าสมัยก่อนนั้นระบบเสาอากาศเนี่ยบางแห่งมันรับไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้การรับสะดวกขึ้น ผมว่าคนจะดูมากขึ้น แล้วถ้าอีกหน่อยเทคโนโลยีมีเป็นแบบโมบายที่เราถือไปดูที่ไหนก็ได้ ผมว่าคนดูทีวีน่าจะมากขึ้น แต่ว่าที่เขาดูทีวีด้วยวิธีใหม่นั้นเราไม่ได้ตามไปวัดเท่านั้นเอง ผมยืนยันว่าคนดูฟรีทีวียังแน่นมาก ส่วนที่เขาเจาะช่องออกไปเป็นเคเบิลหรือเป็นดาวเทียม มันเป็นการเจาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น"
แต่ถึงกระนั้น ผู้บริหารแห่งวิกสามสีก็ยังมองลู่ทางธุรกิจเคเบิลทีวีได้เช่นกัน "ผมว่าที่ทุกคนคิดไว้ก็คือช่องข่าว 24 ชม. หรือไม่ก็เป็นรายการอาหารและท่องเที่ยว ที่มีความพร้อม อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล ท่านคิดไว้ช่องหนึ่งเป็นช่องอาเซียน เรื่องเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ท่านก็มาชวน ซึ่งก็กําลังดูๆ อยู่ คือเรื่องค่าใช้จ่ายคงจะแพงมาก ช่องเคเบิลมันก็ถือเป็นธุรกิจใหม่ ที่ช่วงแรกๆ คงต้องแข่งขันกันน่าดู แต่สุดท้ายแล้วคนที่มีคุณภาพที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่ได้ อย่างช่องข่าวตอนนี้เราคิดว่าเรามีบุคลากรที่พอจะสามารถทําได้
ถ้าทําช่องข่าวจริงๆ ก็คงจะต้องเสริมในเรื่อง ของบุคลากรใหม่ๆ ซึ่งเราก็มีโครงการที่จะไปสร้างเด็กใหม่ๆ ขึ้นมา ตอนนี้ยังแค่คิดหลวมๆ ไว้เท่านั้นเอง การที่จะทําได้เราต้องได้ช่องมาก่อน" ♦
