อดีตนักร้องดังเกิร์ลกรุ๊ป ต่อสู้มะเร็งปากมดระยะที่4 ยอมรับและทำใจ
หัวใจสายสตรองสุดๆ อดีตนักร้องดังเกิร์ลกรุ๊ปในอดีต “จอย T-Skirt” หรือ “จอย ธัญพร สนธิขันธ์” ได้รับกำลังใจหนาแน่น หลังตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 ต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ล่าสุดเดินทางมาเปิดใจ ผ่านรายการดัง “โต๊ะหนูแหม่ม” ขอเล่ากับการเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง ท่ามกลางกำลังใจจากเพื่อนในวงการที่ส่งพลังรักมาให้อย่างหนาแน่น
อ่านขาวต่อ: เปิดใจ “จอย ทีสะเกิ๊ต” วันแรกที่ได้ยินคำว่าระยะที่ 4 ก่อนเริ่มต้นคีโม


สำหรับตอนนี้แข็งแรงทั้งกายและใจ ตอนนี้ยังรักษาอยู่ การรักษาของจอยคือจัดเต็ม ทั้งคีโม ฉายแสง ฝังแร่ ซึ่งหลังจบการรักษาแล้ว ต้องติดตามทุก3เดือน ครั้งล่าสุดที่ไปหาคือ ก้อนมะเร็งจอยอยู่ที่5 เซ็นต์ และจากที่รักษาทั้งหมดเราก็ไป CT scan ข่าวดีคือก้อนมะเร็งมันลดลงมาเหลือ 1.5 เซ็นต์
รวมระยะเวลาทั้งหมดก็ปีกว่า แต่ระยะเวลาเข้ารักษาการรับยา ตั้งแต่กุมภาฯ เมื่อต้นปีนี้เอง


ถามว่ารู้ตัวตั้งแต่เมื่อไรว่าเรามีอาการของโรคมะเร็งคือไม่รู้ตัวเลยค่ะ รู้ตัวเมื่อโรคมันกำเริบ คือโรคมะเร็งคำว่าภัยเงียบมันมีอยู่จริง มันเงียบจริงๆ มันไม่ได้บอกเราว่ามันจะมาเมื่อไร และหนูก็คืออยากให้แชร์ได้ เป็นเคสศึกษาว่าเราชะล้าใจ ไม่ได้ตรวจร่างกายตรวจภายในก็นานมากแล้ว จอยเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ผู้หญิงกับตรวจภายในทุก1ปี ถ้าตรวจแล้วไม่เจออะไรก็3ปีก็ได้ แต่ควรจะต้องตรวจค่ะ ถ้าไม่ตรวจคือเราละเลยข้อนี้ไป ซึ่งผู้หญิงตั้งแต่ 11 ขวบขึ้นไป เราควรฉีดวัคซีนHPVค่ะ มันก็ช่วยป้องกันค่ะ ซึ่งคุณหมอบอกว่าถ้าฉีดตั้งแต่เด็กๆ มันก็ช่วยป้องกันได้ดีมาก
.jpg)
อาการเริ่มต้นหนูเริ่มปวดท้อง และก็มีประจำเดือนมาผิดปกติ แต่เราก็คิดว่าเราไม่ได้เป็น และมันเกี่ยวกับอายุที่มันจะเข้าเข้าสู่วัยทองก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนเป็นวัยทอง 40 อัพแล้วก็เริ่มเป็น เราก็คิดว่าเราเป็นวัยทองแล้วก็เริ่มดูอาการ ยังไม่ได้ไปหาหมอ ซึ่งประจำเดือนมันก็มาปกตบ้าง ไม่มาปกติบ้าง พอเดือนที่4 มันก็เริ่มมาเป็นน้ำก็อกค่ะ มันผิดปกติมาก จนหนูต้องใส่แพมเพิสผู้ใหญ่ อาการตอนแรกพอทนได้ค่ะ ปวดแบบว่าเราทานยาแก้ปวดเราทนได้ พอหายปลดเราก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม พอเดือนหลังๆประจำเดือนมาก็ไม่หยุด จนหนูเริ่มสังเกตได้ รู้สึกว่ามันผิดปกติแล้ว จนไปหาคุณหมอคุณหมอก็จับตรวจภายใน จนคุณหมอก็เจอก้อน ตอนแรกคุณหมอใช้คำว่าเนื้องอก จนเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ตรวจครั้งแรกยังไม่เจอ พอไปฟังผลตรวจละเอียดครั้งที่2 เราก็ลุ้นว่าให้เป็นเนื้องอกเถอะ

เตรียมใจรับมือไว้ 50/50 ณ ตอนนั้น คิดว่าถ้าเป็นแล้วเราจะทำยังไง และคิดว่าถ้าไม่เป็นก็เป็นความโชคดีของเรา พอคุณหมอบอกว่าเป็น เราก็ทำใจได้แต่ ณ ตอนนั้นยังไม่ทราบระยะ ก็ถามคุณหมอว่าต้องรักษายังไงต่อไป หายใจเข้าลึกๆ แต่ในใจตอนนั้นเป็นหมื่นล้านคำ รู้สึกแค่ว่าเราถอยไม่ได้แล้ว เราต้องไปข้างหน้า น้องขอถามคุณหมอว่าใส่ยังไงต่อไป คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะส่งไปศูนย์มะเร็ง คุณบอกก็ทำการนัดให้อย่างเร็วเลยเพื่อให้ไปหาคุณหมอฝั่งมะเร็ง พอไปตรวจพบว่ามะเร็งมันกระจาย มันก็ตีเป็นขั้นที่4เลย คือการกระจายเหมือนเริ่มอันตรายแล้ว มันเกินความคาดเดาของเรา เราคิดว่าเราเป็นระยะที่1 เราพอทราบข้อมูลอยู่ว่าถ้าระยะที่0 หรือระยะที่1มันมีโอกาสหาย พอบอกมาว่าระยะที่4 ปุ๊บ มันคิดว่ามันมีโอกาสที่จะหาย คิดต่อแค่ว่าเราจะรักษามันยังไงดี






