“พลอย เฌอมาลย์” เล่ารักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะ 2 เผยครอบครัวคือกำลังใจที่ดี
ก่อนหน้านี้นางเอกสาว “พลอย เฌอมาลย์” ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวสุดช็อกว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ลามไปต่อมน้ำเหลือง ต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดและฉายแสง 25 ครั้ง ซึ่งช่วงเวลานั้นทำให้เธอต้องจมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า เพราะมีปัญหารุมเร้าเข้ามาหลายเรื่อง ล่าสุดเจ้าตัวออกมาอัปเดตให้ฟังอีกว่า…
อ่านข่าวต่อ : “พลอย เฌอมาลย์” เปิดใจครั้งแรกหลังป่วยมะเร็งเต้านม ฉายแสง 25 ครั้ง จนหน้าอกไหม้

“ก็ผ่านไปแล้ว มันอยู่ในจุดที่ว่าพลอยพร้อมที่จะพูด ก่อนหน้านี้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นประมาณกุมภาพันธ์ปีที่แล้วและพลอยเองก็เผชิญกับมันมาตลอดทั้งปี แต่ก็ไม่ได้บอกใคร นอกจากเพื่อนสนิท
เพื่อนสนิทรู้ตอนที่ผ่าตัดเสร็จแล้วด้วยซ้ำเหมือนทุกคนก็เป็นห่วงและถามว่าทำไมไม่บอก พลอยก็เก็บไว้คนเดียว หลายคนก็ไม่ทราบ จน ณ วันนี้พลอยรู้สึกว่าอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับทุกคนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเกรงกลัว มันไม่ใช่เรื่องที่อายที่จะต้องไปตรวจหา อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพตรงนี้ด้วย เพราะมันสำคัญมากกับการตรวจสุขภาพ ต้องตรวจสุขภาพทุกๆ ปี
.jpg)
ย้อนกลับไปครั้งแรกที่พลอยตรวจเจอก็คือเป็นก้อนเนื้อ แล้วหมอบอกว่ายังไม่เป็นอะไร แต่ว่าต้องติดตาม แต่ก็ผิดที่พลอยชะล่าใจเพราะพลอยเป็นคนกลัวเข็มเจาะเลือดมากๆ กลัวแบบขึ้นสมอง และก็คิดว่าเราออกกำลังกายอยู่แล้ว เราเป็นคนแข็งแรง สุขภาพเราดี เราไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกก็ปล่อยให้มันผ่านไปจนปีครึ่งก็ไปตรวจอีกที ผลก็ออกมาว่าเนื้อมีการเจริญเติบโต ซึ่งรูปร่างมันชัดเจนว่าเป็นมะเร็ง รวมไปถึงผลเลือดด้วย ตอนแรกพลอยก็ช็อก แล้วก็เปลี่ยนโรงพยาบาล แล้วก็มีการพูดคุยกับหมอ มีการผ่าตัด ตอนนั้นพลอยเจอ 2 ข้าง ข้างหนึ่งก็ไม่ชัดเจนว่าคืออะไรต้องเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ พอตรวจออกมาก็เป็นแค่หินปูน ทีนี้ข้างซ้ายมันค่อนข้างชัดเจนมากๆ แล้วก็ได้รับการผ่าตัด หลังจากนั้นก็ผ่าตัด พอผ่าตัดเสร็จก็มีการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะจบแล้วแต่พอนัดหมออีกที คุณหมอก็บอกว่ามันยังไม่จบนะมันยังมีต่อ เพราะว่ามะเร็งที่พลอยเป็นมันเป็นมะเร็งสองสายพันธุ์ คือเป็นมะเร็งเต้านมและต่อมน้ำเหลือง พลอยก็เหมือนแบบช็อกอีกรอบ แล้วพลอยก็ถามว่ามันคือระยะไหน หมอก็บอกว่าคือระยะ 2 แล้ว พลอยก็ถามว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันจะลามไปมากกว่านี้ เขาก็บอกว่าจะรู้ตอนผ่าตัดตอนนั้นก็คือใจแป้วแล้ว เพราะพลอยก็ไม่อยากให้มันลามไปอวัยวะอย่างอื่นด้วยความโชคดีมันก็จบแค่นั้นจบแค่ที่ระยะที่ 2 จบที่ต่อมน้ำเหลือง หลังจากนั้นก็ฉายแสงรับการรักษา ทานยา ตอนนี้ก็อยู่ในจุดที่พึ่งไปตรวจมา ก็ไม่เจอแล้วแต่ก็ยังต้องมอนิเตอร์ ยังต้องตรวจ และยังต้องทานยาของคุณหมอไปอีกสัก 3 ปี แต่ตอนนี้ก็เข้าปีที่ 2 แล้วกับการกินยา

ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างโหดร้ายสำหรับพลอยมาก ด้วยความที่พลอยเจอหลายเรื่องทั้งกระทบทั้งเรื่องสุขภาพและกระทบสุขภาพทางด้านจิตใจด้วย มันก็เลยเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเรา และพอเรามีเรื่องไม่สบายใจอยู่แล้ว ทั้งเรื่องสุขภาพด้วย เรื่องจิตใจตัวเองด้วย แล้วพอได้รับยา การลดฮอร์โมนเอสโตรเจน มันก็ทำให้ดิ่งกว่าเดิม คิดมากกว่าเดิม อารมณ์สวิงมากกว่าเดิม ทำให้มีอาการเครียดแล้วก็เก็บตัว ตอนนั้นก็มีปัญหา ทานข้าวไม่ลง น้ำหนักลด 13 กิโลภายใน 3 เดือนนิดๆ เอง ผอม นอนไม่หลับเพราะว่าทุกอย่างมันเปลี่ยน ก็ใช้เวลาระยะหลายเดือนอยู่เหมือนกัน
.jpg)
ตอนหลังก็เริ่มขอความช่วยเหลือจากเพื่อน และเพื่อนก็เริ่มเอ๊ะ ว่าเป็นอะไร ไม่สบายใจอะไร ก็เข้ามาดูแล ตอนนี้พลอยก็โอเคขึ้นแล้ว และพลอยรู้สึกว่าพลอยไม่อยากไม่สบาย พลอยไม่อยากป่วยเหมือนที่ทุกคนเห็นเมื่อก่อน ก็เลยหันกลับมารักตัวเองและดูแลสุขภาพ พยายามนอนให้เป็นเวลามากขึ้น แล้วกลับมาออกกำลังกาย แล้วก็มีความสุขกับชีวิต

เอาตรงๆ ตอนนี้มันยังไม่สมบูรณ์ 100% แต่พลอยคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ดีกว่าแล้ว เพราะวันนี้พลอยหัวเราะได้ ยิ้มได้พลอยก็มีความสุขแล้ว และไลฟ์สไตล์พลอยถามว่าปรับไหม ปรับ แต่ก็คงไม่ได้เปลี่ยนและให้มันฝืนตัวเอง คือพลอยก็จะกินดี นอนดี ออกกำลังกาย หันมาดูแลสุขภาพ นั่งสมาธิ ทานอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อะไรที่มีประโยชน์ อะไรที่ดี คือพลอยเทกหมดเลย เพราะอยากให้ตัวเองกลับมาแข็งแรงในทุกเรื่องทั้งร่างกายและจิตใจ

พลอยเป็นคนที่แย่มาก ตอนช่วงแย่ๆ พลอยเก็บตัว ขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่พูด เหมือนเก็บตัวเองอยู่ในบ้าน จนมันอยู่ในจุดที่ว่าไม่ได้ละ เสียอาการละ พอเสียอาการก็ไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชอยู่พักนึง 5-6 วัน แล้วก็กินยา แล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเวิร์ก ก็เลยลองเปลี่ยนหมอ พอเปลี่ยนหมอก็รับยาใหม่ ทีนี้รับยาไปพักนึงก็รู้สึกว่าไม่อยากติดยา เพราะว่าทานยาเป็นเวลานานแล้ว ค่อนข้างจะปีกว่าแล้ว แล้วรู้สึกว่าพลอยเริ่มจำใครไม่ได้ เริ่มเหมือนเบลอ สมองมันไม่ฟังก์ชั่น เริ่มหวาดระแวง ผวา มีหลากหลายอาการมาก และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง พลอยเลยรู้สึกว่าเราต้องฮึบเพื่อตัวเอง เราเลยหันมานั่งสมาธิ อ่านหนังสือ ดูแลตัวเอง และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ที่เรารัก หรือคนที่เราไว้ใจช่วยเราให้ดีขึ้น
ช่วงที่ตัวเองไปโรงบาลจิตเวชคือจริงๆ เรารับยามาตลอด แต่ช่วงที่ไปหาหมอไปอยู่โรงพยาบาล ก็ก่อนช่วงมีนา-เมษาปีนี้ ก็ไปหาหมอ ช่วงนั้นนอนไม่พอพี่นุ่น (สินิทธา) ต้องอยู่ด้วยตลอด ช่วงนั้นหนัก แล้วช่วงที่เราเก็บตัวอยู่ในห้อง เราคิดอะไรอยู่ทำไมถึงไม่อยากไปเจอคน คือตอนนั้นจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ของตัวเองมากเกินไป ไม่สามารถให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ จะพยายามเอาออกมาไม่ได้ มันทำให้เราเหมือนมูฟออนเป็นวงกลม เหมือนเราเดินหน้าไม่ได้ จัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เสียงในหัวมันดังตลอดเวลาจนมันไม่ไหวแล้ว คุณแม่ก็พาไปหาหมอ
.jpg)
เวลาคนเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายคนจะต้องถามตัวเองว่าทำไมจะต้องเป็นฉัน เราก็มีคำถามนี้เหมือนกัน แต่พลอยก็เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีประสบการณ์คล้ายพลอย พลอยว่ามันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก เราก็ต้องคิดว่าเราจะทำยังไงให้ออกมาจากตรงนั้น ซึ่งของพลอยก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พลอยอาจจะเดินทางช้ากว่าคนอื่นนิดนึง คนอื่นอาจจะหายเร็วแต่พลอยใช้เวลานานมากกว่าจะดีขึ้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พร้อมที่จะเอามาพูดตรงนี้เพื่อที่อยากให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเอง หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ
ส่วนสุขภาพใจ ตอนนี้ไม่ได้ไปพบหมอแต่เน้นไปที่อ่านหนังสือ และพลอยชอบดู ยูทูป ก็มีการฮีลใจตัวเอง มีการคุยกับน้องเขื่อน (ภัทรดนัย) ด้วย อยากไปหาน้อง อ่านหนังสือของน้องอยู่ น้องเขื่อนก็เลยบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่มานะ อยากไปปรับทุกข์กับน้องเขื่อน ส่วนเพลงก็ชอบฟังค่ะ ดีขึ้น บางวันก็มีอาการบ้างไม่ดีบ้าง แต่ทุกอย่างก็อยู่ในจุดที่ดี มันก็ค่อยๆ เป็นค่อยไป แต่ถ้าตอนนี้รู้สึกไม่ดีเราก็แค่ยอมรับความจริงไปว่า ตอนนี้เรารู้สึกไม่ดีอยู่นะ เดี๋ยวอีก 4 วินาทีข้างหน้า เราก็จะค่อยๆ เสียใจน้อยลงแล้วนะ เราก็จะเริ่มดีขึ้นแล้วนะ ก็พยายามบอกตัวเอง พยายามดูตัวเองมากขึ้น พลอยมองว่ามันเป็นธรรมชาติมาก เราเป็นมนุษย์ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องมีความรู้สึก มีความทุกข์ มีความเสียใจ เพียงแต่ว่าเราต้องเอาตัวเองออกจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง

ความรักจากครอบครัวและคนรอบข้าง จริงๆ มันช่วยได้เยอะเลย กำลังใจจากทุกๆ คน มันเป็นสิ่งที่สามารถเยียวยาทำให้เราเดินข้างหน้าต่อไปได้ กำลังใจสำคัญมาก พลอยคิดว่าตัวพลอยโชคดีมาก พลอยมีกำลังใจจากครอบครัวไม่พอยังมีกำลังใจจากเพื่อนๆ คนรอบข้างและแฟนคลับ เลยรู้สึกว่ากำลังใจของพลอยเยอะมาก เมื่อเทียบกับคนอื่น ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เราพร้อมที่จะมีแรงสู้ครั้งหนึ่ง อย่างบางคนก็หาทางออกไม่ได้ ซึ่งพลอยก็แย่อยู่ มันค่อนข้างสาหัสสำหรับพลอยแต่ตอนนี้พลอยผ่านมาได้ แต่ ณ วันนี้พลอยโชคดีมากๆ ที่พลอยเริ่มยิ้มได้บ้างและหาความสุขกับตัวเองบ้าง ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะแย่ แล้วจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้ไหม เพราะว่ามันเป็นเวลาที่เนิ่นนานพอสมควร ที่เราอยู่ในสภาวะความเครียด
แต่วันนี้เรากลับมาแล้ว ก็อยากจะบอกกับตัวเองว่า ให้ใจดีกับหัวใจตัวเองหน่อยและรักตัวเองให้มากๆ เหมือนที่รักคนอื่น เคยรักใครมากแค่ไหน ทำให้ตัวเองบ้างได้ไหม”










