“หนิง ปณิตา” แจ้งความโดนหลอกขายไอโฟน-บัตรคอนเสิร์ต BLACKPINK เสียหายนับ 10 ล้านบาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ต.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดารานักแสดงดัง“ปณิตา พัฒนาหิรัญ” พากลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย ได้รวมตัวเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.1 บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นาย T.(นามสมมุติ) ซึ่งอ้างตัวเป็นบุตรชายเจ้าของผลิตภัณฑ์ยาอมยี่ห้อดัง (ที่มีนักร้องชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์) หลังถูกนาย T.หลอกลวงฉ้อโกงในหลายรูปแบบ สร้างความเสียหายรวมมูลค่านับสิบล้านบาท การเข้าแจ้งความครั้งนี้มี พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1, พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.1 และ ร.ต.ท.สุรทัศ สร้อยสน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เป็นผู้รับเรื่องและสอบปากคำกลุ่มผู้เสียหาย
.jpeg "หนิง ปณิตา")
จากการเปิดเผยของผู้เสียหาย ทราบว่านาย T. มีพฤติกรรมฉ้อโกงมาอย่างต่อเนื่องหลายคดี โดยมีประวัติเคยถูกจับกุมดำเนินคดีที่ สภ.หาดใหญ่ มาแล้วเมื่อปี 2567 ในคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือไอโฟนแต่ไม่ยอมส่งสินค้า แต่สามารถเคลียร์คดีได้ในขณะนั้น สำหรับพฤติการณ์ล่าสุดที่ทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากรวมตัวกันแจ้งความในวันนี้ คือการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ 1.ไม่ส่งโทรศัพท์มือถือไอโฟน หลังจากรับเงินแล้ว ไม่ส่งมอบสินค้า ทำให้ผู้ซื้อสูญเงินไป 2.หลอกขายบัตรคอนเสิร์ต BLACKPINK ปลอม หลอกลวงขายบัตรคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR IN BANGKOK ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2568 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน แต่ผู้เสียหายไม่ได้รับบัตรจริงหรือเป็นบัตรปลอม 3.ชักชวนลงทุนบัตรคอนเสิร์ต มีผู้เสียหายบางรายถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในธุรกิจบัตรคอนเสิร์ตสูงถึง 5 ล้านบาท โดยขณะนี้ผู้เสียหายรายดังกล่าวได้ยื่นฟ้องศาลในคดีฉ้อโกงลงทุนบัตรคอนเสิร์ตแล้ว และคดีอยู่ในชั้นศาล
“หนิง ปณิตา” เผยว่าตนเองเป็นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพรายนี้แอบอ้างว่าสั่งซื้อสินค้าไอโฟนกับเขา ตนได้แจ้งความไว้ที่ สน.ทองหล่อ แล้ว มีการนำชื่อตนไปแอบอ้างสร้างเครดิตโดยมิจฉาชีพรายหนึ่ง เมื่อกลุ่มผู้เสียหายรวมกลุ่มกันได้ก็พยายามจะช่วยเคลียร์ แต่กลับกลายเป็นว่าตนโดนเอาไปแขวนโพสต์ว่าหนิงไปสั่งซื้อโทรศัพท์ไอโฟน แล้วไม่จ่ายสตางค์ ซึ่งโดยชื่อเสียงของตนเมื่อสั่งซื้อของแล้วไม่จ่ายเงินก็เกิดความเสียหายแน่นอน ซึ่งตรงนี้ผู้เสียหายหลายๆ คนก็พยายามเข้าไปตอบคำถามนี้ให้หนิงพอสมควรแล้ว ถึงจะไม่เสียหายอะไรเยอะ แต่เมื่อคุยกับผู้เสียหายแล้วทำให้ได้ข้อมูลว่าแต่ละคนพยายามดำเนินการกับมิจฉาชีพรายนี้มาพักใหญ่แล้วบางคนนานเป็นปี บางคนถึงขั้นฟ้องร้องเป็นคดีความอยู่ในชั้นศาลก็มี แต่เสียงของพวกเขามันไม่ดังพอที่จะยับยั้งหยุดพฤติกรรมของมิจฉาชีพรายนี้ ตนจึงตัดสินใจมาเป็นเพื่อนผู้เสียหายในวันนี้ด้วย นัดกันมา บางคนมาได้ก็มาเอง ใครมาไม่ได้ก็มอบอำนาจมาแทน ซึ่งมีบางคนอยู่ต่างประเทศ บางคนอยู่ต่างจังหวัด ตนหวังว่าผู้เสียหายทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือคลี่คลายคดีให้ มีเคสหนึ่งเป็นเด็กนักศึกษา เครียดจัดถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายเราได้ยินแล้วรู้สึกสงสาร เบื้องต้นรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายมีมูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท
เครดิตภาพ กมล แย้มอุทัย
