“แจ็ค แฟนฉัน” อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนวัด ตอบชัดมีคนที่ 2 ต่อมั้ย?
ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรก นักแสดงตลกชื่อดัง “แจ็ค แฟนฉัน” ถึงกับเครียดหนักแต่ยังไม่ถอดใจขอสู้ต่อ มีโอกาสเจอเจ้าตัวเลยถามถึงเรื่องนี้
อ่านข่าวต่อ : “แจ็ค แฟนฉัน” รับเครียดถ่ายหนัง “Food Truck รัก(ลัก) หมูเด้ง”
“เครียดมาก เป็นหนังเรื่องแรกลงเต็มที่กับทุกส่วน เป็นผู้จัดครั้งแรกเต็มๆ เรื่อง food truck รัก(ลัก)หมูเด้ง เรานอยด์เป็นประสบ การณ์แรกของเรา มันเลยเครียดนิดนึง พยายามปรับบรรยา กาศให้ดี นักแสดง มาริโอ้ แจ๊ส พี่หม่ำ หรือคนอื่นๆ บอกอย่าไปเครียดเยอะ แต่คนอื่นตลกหมดเลยนะ ยังไม่ถอดใจเพราะว่าพึ่ง 3 คิวเอง หลายคนต้องเครียดแบบผม เพราะโลเคชั่นฝนมันตก ทั้งคิวนักแสดง สภาพอากาศตอนนั้น แล้วหมูเด้งที่เราไปถ่าย เราเจอปัญหาหลายอย่างเลยกังวลและเครียด ปัญหาที่หนักสุดคือเรื่องฝน เรามีคิวจำกัด ความน่ารักของนักแสดงหลายคน ทั้งนักแสดงต่างประเทศ คนเกาหลี หรือคุณมาริโอ้ คุณแจ๊ส เขาพยายามช่วยเรา ขอเพิ่มได้นะ คุณแจงแฟนคุณแจ๊สก็น่ารักมาปลอบ
งบเรามีสำรองไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต มันคือเรื่องแรกที่เราทำ เหมือนเราตกใจ สมมติพี่ไปสมัครงานที่หนึ่งพี่โดนเจ้านายพี่ด่า ทำงานอะไรของมึง แล้วปรากฏเราตกใจ แล้วด่ากลับเลย จะด่ากลับไม่ได้ไง เพราะดาราเบอร์ใหญ่หมด ผมก็ตกใจ ฝนตก นอยด์แล้ว บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์หยุดตกเถอะ แล้วจะทานมัง ปักธูปปุ๊บตกหนักกว่าเดิม ไม่ทานแล้วทานเนื้อสัตว์เลย
ความดังทุกวันนี้คนไทยหลายคนไม่ได้มองด้วยความรัก บางคนอาจไม่ได้เชื่อถือดาราก็มี บางคนอาจจะเชื่อถือดาราก็มี มันเลยกลายเป็นว่าคนที่เราเอามารวมคือคนพรรคพวกเรา เขาช่วยเรา และพร้อมที่จะไปกับเราโดยที่กลุ่มเป้าหมายเป็นหนังครอบครัวน่ารัก และเราอยากจะพาหนังไทยไปต่างประเทศ เลยพยายามทำให้คนรู้จักมากขึ้น หนังไทยน่ารัก มีความสุข ตลก อารมณ์ดี ผมเปรียบเทียบหนังของผม เป็นเหมือนภาพยนตร์ที่เราได้กลับบ้านไปต่างจังหวัดกินข้าวกับพ่อแม่พร้อมกัน แล้วมันมีความสุข
ไม่เอาความเครียดไปลงลูกลงภรรยา เป็นคนลืมง่าย ผมกลัวเป็นโรค กลัวอยู่กับลูกได้ไม่นาน ตอนนี้ผมกินเนื้อสัตว์เยอะมากเลย ผมเครียดผมต้องกินให้มันอารมณ์ดี พอผมถ่ายจบปุ๊บ ผมก็จะกลับมาลดน้ำหนัก ดูแลตัวเอง เพื่อจะได้อยู่กับลูก กลัวตาย ยิ่งมีลูกยิ่งกลัว ลูกยังเล็กอยู่ยังไม่ได้คุยกับพ่อเลย ตายไม่ได้นะ ผมตัดความคิดลบ เรื่องการดูแลของผมมันโอเคอยู่ ไม่กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี่ ไม่ยุ่งกับยาเสพติด พนันก็ไม่เลย พอมีครอบครัวปุ๊บ ครอบครัวใหญ่สุด แล้วผมให้เวลากับครอบครัว ผมรู้สึกว่าเวลาผมมีปัญหาคนที่อยู่กับเราคือครอบ ครัว ไม่ใช่คนรอบข้างเลย คนรอบข้างก็ทั่วไป ลูกก็จะไม่สนใจอะไร เล่นตามภาษาเขา แต่พยายามฝึกให้เรียนรู้เยอะๆ แต่ก่อนพ่อไม่ค่อยมีเวลาเรียน วางแผนไว้ให้ลูก
อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนวัด พระสอนลูกแล้วใจเย็น ผมว่าคนเก่งก็ส่วนคนเก่ง แต่คนมีสติใจเย็น มันก็โอเคในระดับหนึ่ง ถามว่าอยากให้ลูกเก่งไหมก็อยาก แต่ไม่ต้องเก่งที่สุดลูก เดี๋ยวกดดัน มีคุยกับใบหม่อนเพราะบ้านอยู่ใกล้วัด ส่วนใหญ่เวลาใครทุกข์ ก็จะมีเข้าทำวัตรเช้าวัตรเย็น ใจเย็นให้พระสอนธรรมะ
ภูมิใจมาก ชมลูกดีกว่าชมพ่อ ผมดีใจทุกครั้งที่คนชมลูกผม ทำให้เรามีสติในการสอนลูก ยุคผมตอนเด็ก มันยังไม่ดราม่ามากเท่านี้ การเลี้ยงลูกต้องมีสติกว่าตอนยุคผม สอนลูก มี 3 คำ 1. ห้ามโกงคน 2. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 3. เป็นเด็กดีต่อสังคม คนที่ 2 ยังก่อนสงสารใบหม่อน เขาก็อยากทำอย่างอื่นด้วย”
