“เบิ้ล ปทุมราช” รับรู้จัก “บอสพอล” เสียเงินแสนเปิดบิลลงทุน ยันไม่ขอเงินคืน
เป็นอีกหนึ่งผู้เสียหายจากการไปลงทุนเปิดบิลกับบริษัทดิไอ คอนกรุ๊ป นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “เบิ้ล ปทุมราช” ซึ่งเจ้าตัวได้มีการเปิดบิลจริง แต่ไม่ได้ขายของต่อ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
อ่านข่าวต่อ : "เบิ้ล ปทุมราช" อัปเดตปม The Icon ต้องวิเคราะห์และมีสติในการลงทุน ย้ำชัดตอนนี้โสดสนิทครั้บ!
“เรื่องดิไอคอนก่อนหน้านี้รู้จักเจ้าของจริง ก็เคยไปร่วมงานในช่วงที่ผมมีโอกาสเปิดบิล จริงๆ ผมเป็นกลางนะ เป็นกลางในที่นี้หมายถึงไม่ได้เข้าข้างทั้งผู้ใหญ่หรือทุกคนที่กำลังมีข่าวมากๆ จริงๆ เบิ้ลก็เป็นคนที่ว่าโพสต์อะไรลงไปแล้วมันอันตรายมากๆ ด้วยความที่ภาษาในการพิมพ์ เราไม่ได้เรียนกฎหมาย ไม่ได้เรียนความถูกต้องของภาษาเขียน เพราะฉะนั้นผมเลยบอกผู้ใหญ่ว่าไม่เป็นไร ผมสามารถให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ได้ และสามารถพูดความจริงทุกอย่างได้ ไม่ได้ลงบันทึกประจำวันเลย ผมรู้สึกว่าไม่ต้องการคืน และไม่อยากสร้างกระแส หรือไปปั่นอะไรตรงนั้น
มันเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยดีกว่า แต่จริงๆ พี่เขาก็มีความหวังดีถ้ามันขายได้มันได้กำไร ถ้ามันดี เราก็รู้สึกว่ามันอาจจะไม่มีข่าวแบบนี้ เพราะเราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ตกใจเพราะพรรคพวก พี่ๆ ทุกคนก็เป็นคนที่ผมรู้จักมา เพราะโดยส่วนตัวพี่ๆ ทุกคนนิสัยดี
เปิดบิลไปแล้วก็ไม่ได้ขายอะไรต่อของพี่ๆ เขาดีมากๆ อร่อยด้วย แต่ว่าไม่ได้ขายปัจจุบันเอาเก็บไว้ที่บ้าน ตอนนั้นเปิดบิล 250,000 บาท ค่าเสียหายตอนนี้ผมรู้สึกว่า มีคนที่ลำบากกว่าผมที่อยากได้ตรงนั้นเยอะมาก เรายังสามารถไปหาจากคอนเสิร์ตจากงานต่างๆ ได้ แต่ถ้าเราอยากจะไปฟ้องร้องไปโพสต์อะไรต่อ ดำเนินคดีนู่นนี่นั่น ผมว่ามันเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนมากกว่า ให้มันมีข่าวปั่นเราเกิดขึ้นอีกรอบ ผมก็ปรึกษาทุกคนปรึกษาพี่ๆ น้องๆ ที่เป็นทนาย หรือว่าตำรวจก็ปรึกษา เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเบิ้ลเงียบๆ ไว้ดีกว่าบางทีภาษาพิมพ์เราอาจจะไม่ได้ถูกต้องทุกอย่าง บางทีอาจจะมีคอมเมนต์ที่มากระแทกผมอยู่แล้วการสาปแช่งทางอ้อมอาจจะมาคอมเมนต์ เดี๋ยวก็โดนแน่ๆ มันก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งเราไปเป็นข่าว ทำให้เราไปอ่านเมนต์ที่มันกระทบจิตใจ ผมว่าเราเงียบๆ ดีกว่า ถ้าวันหนึ่งมันถูกดำเนินคดีในทางที่มันผิดจริงๆ เราพร้อมอยู่แล้ว แต่เราไม่มีอะไรตรงนั้น
ถ้ามองในโลกของความยุติธรรมของคนทั่วไปกับคนที่เขาลงทุนเขาก็อยากร่ำ อยากรวย ส่วนผู้บริหารที่เขาทำตรงนั้นมาเขาก็หวังว่าเขาต้องทำให้ธุรกิจมันเติบโตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมว่าเราต้องวิเคราะห์มากขึ้นทั้งผู้ทำธุรกิจและผู้ที่ลงทุน จริงๆ ผมน่ะเป็นกลางนะในฐานะที่เราก็เป็นนักธุรกิจ ผมก็ทำหนัง ทำอะไรต่างๆ ผมก็มองว่าใจเขาใจเรา แต่สุดท้ายอยู่ที่ความถูกต้องวิเคราะห์และมีสมาธิในการลงทุน เงินแต่ละบาทเพราะยุคสมัยนี้เงินมันหายากมากๆ ถ้าใครเป็นเอฟซีผมจะรู้ว่าผมจะไม่ค่อยรับงานรีวิว ถ้าเห็นเบิ้ลในงานจะมีแค่ พรีเซนเตอร์ ส่วนใหญ่จะไม่รับรีวิวหรือไปรับจ๊อบไลฟ์สดทั่วไปอยู่แล้ว”...