ทนายดังชี้ “ดิไอคอน” เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
จากกรณีคดีดัง ของ “บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป” ซึ่งตำรวจได้ตั้งข้อหาจับกุม 18 ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดย 3 ผู้ต้องหานั้นเป็นบอสดาราที่มีชื่อ คือ “กันต์ กันตถาวร” “มีน พิชญา” และ “แซม ยุรนันท์” ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
อ่านข่าวต่อ : https://daradaily.com/news/143628/read
.jpg "บอสพอล")
.jpg "กันต์ กันตถาวร")
ล่าสุด “สาคร ศิริชัย” ทนายดังเผยว่าสำหรับกรณีที่ได้เกิดความเสียหายที่ก่อไว้ให้กับประชาชนจำนวนมากและเป็นยอดเงิน นับหมื่นล้านและถูกประชาชนที่เสียหายเป็นจำนวนมากไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามและมีการออกหมายจับเบื้องต้นเราบรรดาบอสและดาราพรีเซนเตอร์ต่างๆ 18 รายนั้น
ถือว่าน่าจะเข้าข่าย ความผิดตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือพระราชกำหนดแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมีโทษจำคุกในอัตราที่สูงและเป็นความผิดที่อยู่ในความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินอันเป็นผลให้ให้ ปปง. มีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเพื่อชดใช้คืนให้กับผู้เสียหายหรือไม่นั้น นั้นต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐานจากพฤติการณ์ต่างๆในการกระทำความผิดที่ผ่านมา
ถ้ากรณีการประกอบธุรกิจของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปเน้นหนักไปในเรื่องการขายสินค้าโดยเอาคุณภาพและราคาของสินค้าเป็นหลัก ก็จะไม่เข้าข่ายตามพรก.แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
แต่หากมีการประกอบธุรกิจโดยการให้สมาชิกไปหาสมาชิกต่อๆกันไปเป็นลำดับแล้วคนที่จัดหาสมาชิกได้ส่วนต่างหรือกำไรจากการหาสมาชิก นั้น โดย โดยมีสินค้าเป็นเพียงตัวอำพรางเท่านั้นก็เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราช กำหนดกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ในความเห็นส่วนตัวคดีนี้การประกอบธุรกิจของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปกรุ๊ปโดยทราบข้อมูลจากสื่อและผู้เสียหายนั้น บริษัทเดอะไอคอนกรุ๊ปเน้นหนักไปในทางให้สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าในราคาที่สูง โดยผู้ที่ชักชวนเรียกว่าอัพไลน์ ชักชวนดาวน์ไลน์ มาสมัคร เป็นตัวแทนแล้วอัพไลน์ ได้ผลตอบแทนจากการชักชวนสมัครดังกล่าว
.jpg "บอสพอล")
ซึ่งลักษณะและวิธีการประกอบธุรกิจเช่นเดียวกันกับบริษัทแชร์ลูกโซ่ต่างๆในอดีตได้เคยทำมาแล้วจึงน่าจะเข้าข่ายถูกดำเนินคดีในความผิดตาม ตลาดราชบัญญัติกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ พระราชกำหนดแชร์ลูกโซ่ อันจะนำไปสู่การถูก ปปง. ยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ต้องหาทั้งหลายซึ่งแต่ละคนมีลำดับขั้นตอนการทำงานที่แตกต่างกัน ความรับผิดจึงแตกต่างกัน แต่ละคนจึงมีช่องทางที่จะต่อสู้คดีด้วย ทั้งนี้อยู่ที่ศาลเป็นผู้ตัดสิน
