พบเส้นทางการเงิน “ดิไอคอน” โอนเงิน USDT มูลค่ารวม 297,093,292 USDT หรือ 9,849 ล้านบาทไปอเมริกา
สืบเนื่องจากคดีของเหล่าบอส คือคดี “ดิไอคอน” ที่มีสามบอสดารา“กันต์ กันตถาวร” , “มิน พีชญา”, “แซม ยุรนันท์” ตกเป็นผู้ต้องหา ล่าสุด“นายเอกภพ” จากสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เมื่อวานตอนช่วงค่ำ ผู้เชี่ยวชาญด้านคลิปโต ได้ส่งข้อมูลมาให้ตนได้เข้าไปดูเพื่อตรวจสอบ ในระบบ USDT Explorer ซึ่งเป็นบริการดู Tranaction ของเหรียญ USDT ทั้งโลก จึงได้ไปเจอกับ 5 Transaction ที่น่าสงสัย เพราะมีการโอนเงิน USDT จาก chain ETH หรือ ERC-20 กับ chain TRON หรือ (TRC-20) จำนวนมูลค่ารวม 297,093,292 USDT หรือ 9,849 ล้านบาท ออกไปยังกระเป๋าปลายทางที่เป็น Exchange หนึ่งของประเทศ USA รัฐแคลิฟอเนีย
อ่านข่าวตอ: “กันต์ กันตถาวร” เดินทางมาถึงสอบสวนกลาง ล่าสุดอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่แล้ว
ขอบคุณภาพ กมล แย้มอุทัย
โดยต้นทางมาจาก Exchange จากอีกประเทศหนึ่ง แล้วหลังโอนเสร็จ ก็มีผู้ต้องหาคนสำคัญคนนึงในคดี ดิไอคอน เข้ามอบตัว และขณะนี้จากที่ตรวจสอบเหรียญ USDT ถูกตั้งขายเป็น ETH (อีเทอเรียม)ซึ่ง USDT เป็น stable coin โดยราคามันจะอ้างอิงกับเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ ทำให้เชื่อว่าผู้กระทำจงใจโอนเงิน USDT ไปแลกเปลี่ยนทั้งหมดให้เป็น ETH (อีเทอเรี่ยม) ซึ่งเป็นเหรียญที่ตามตรวจยึดยาก กว่า USDT ปัจจุบันกระเป๋าปลายทางยังคงขายเหรียญ USDT เป็น ETH อยู่ทุกนาที คาดว่าเป็นการตั้งขายอัตโนมัติ
จากข้อมูลทั้งหมด ตนจึงขอให้ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบ Tranaction ดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีหรือไม่ หากเกี่ยวข้องจะได้ทำการตรวจยึดเพื่อนำมาแลกเป็นเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
คดีดิไอคอนกรุ๊ป 9 วันผู้เสียหายแจ้งความ 2,170 คน มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท ยึด ทรัพย์สินได้ 210 ล้านบาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ต.ค.67 ที่อาคารประชาอารักษ์ บช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รายงาน ความคืบหน้า คดี "ดิไอคอน กรุ๊ป" โดยภาพรวมการรับแจ้งความรวม 9 วัน (ตั้งแต่วันที่ 9-17 ต.ค.2567) มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความทั้งสิ้น 2,170 คน มูลค่าความเสียหาย 841 ล้านบาท ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับ หน่วยงานในสังกัดให้รับแจ้งความทั่วประเทศโดยจัดทำศูนย์รับแจ้งความทั่วประเทศ และให้ยึดการทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
พล.ต.ต.โสภณกล่าวว่า จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้การฝากขังทำตามกรอบกฎหมาย และจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ทั้งจากการสอบปากคำและพยานบุคคล โดยพนักงานสอบสวนในแต่ละพื้นที่จะนำคำให้การมายังกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยขอให้ส่งหลักฐานทั้งข้อความและการแชตมายังตำรวจ ทั้งนี้ทางตำรวจได้มีการคัดแยกผู้เสียหายออกมากแล้วทั้งแม่ทีม และผู้เสียหาย คาดว่าจะไม่กระทบกับผู้เสียหาย
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังกล่าวว่า กรณีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แจ้งไปยังกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางศรษฐกิจ (ปอส.) ให้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือในการดำเนินคดี โดยสืบทรัพย์ ซึ่งมีความชำนาญการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และสินทรัพย์ดิจิทัล
ขณะนี้ทรัพย์สินสิ่งที่ยึดมาได้ทั้งหมด ในขณะนี้คือ รถยนต์จำนวน 24 คัน เงินสด 7.5 ล้าน นาฬิกา 51 เรือน กระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนม รวมมูลค่า 210 ล้านบาท ซึ่งยังมีการขยายผลต่อในการสืบทรัพย์พบบางส่วนมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์ และผู้ที่ดำเนินการยักย้ายถ่ายเทอาจมีความผิดฐานฟอกเงินก็ได้ กรณีการใช้นอมินีมาร่วมเป็นผู้เสียหาย นั้นทางตำรวจก็ได้ตรวจสอบต่อ
ทังนี้ หากคดีเข้าข่ายคดีพิเศษก็จะอาจจะโอนย้ายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อหาฟอกเงินผู้ต้องหาทั้ง 18 คนโดยอยู่ระหว่างการสืบทรัพย์ รวมถึงขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปยังผู้เชี่ยวชาญทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค องค์การอาหารและยาในการร่วมตรวจสอบ ด้วย การจับกุมได้เพราะมีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและต่อเนื่อง
ขณะที่การตรวจสอบเรื่องสินบนและคลิปเสียงที่เกี่ยวข้องนักการเมือง อยู่ในความรับิดชอบของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งขอให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นผู้ให้ข้อมูลและรายงานความคืบหน้า