“โย่ง - ก้อย” เผยไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ปาดน้ำตาเกาะรั้วส่งลูกเข้าเรียน
เผลอแปปเดียว “น้องอบเชย” ลูกสาวสุดที่รักของคู่รักสายแนว “โย่ง อาร์มแชร์” และ “ก้อย วลัยลักษณ์” เข้าโรงเรียนแล้ว แถม “คุณพ่อโย่ง” เกาะรั้วน้ำตาไหลส่งลูกเข้าเรียน อีกทั้งเพิ่งจะผ่านวันครบรอบแต่งงาน 12 ปีมาหมาดๆ ด้วย งานนี้เจอทั้งคู่เลยถามถึงเรื่องนี้ว่า...
อ่านข่าวต่อ : โย่ง-ก้อย" เข้าใจความรู้สึกพ่อแม่ที่ส่งลูกไปเรียนวันแรก เผยพอมีลูกแล้วยิ่งรู้สึกเติมเต็ม
“เพิ่งเข้าโรงเรียน ไวมากเลย ความที่เราเลี้ยงลูกกันเองทุกวันๆ ตั้งแต่เขายังตัวเล็กๆ ตัดภาพมาอีกทีใส่ชุดนักเรียนแล้ว เราก็ปลื้มปริ่มแต่เขาเก่งมาก วันแรกเราก็แอบหวั่นๆ ว่าไปโรงเรียนแล้วเขาจะรู้สึกยังไง จะกลัวไหม จะร้องไห้หรือเปล่า แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย เขาแฮปปี้และสนุกมาก ตอนเดินเข้าโรงเรียนยังหันกลับมาบ๊ายบายพ่อแม่ด้วย เราก็โอเคโล่งใจแล้ว แต่พอหันกลับมาทางนี้เท่านั้นแหละ คือพ่อยืนร้องไห้อยู่ข้างรั้วโรงเรียน รปภ.คงตกใจว่ามายืนร้อง ไห้ทำไม คุณครูก็งง ความรู้สึกตอนนั้นคือเป็นห่วงกังวล เราเลี้ยงเขาอยู่บ้าน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 5 วันแรกจนมาถึงอายุ 2 ขวบ 8 เดือน เขาไม่เคยห่างกับเรานานเลย แต่พอไปโรงเรียนก็ต้องห่างกันตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายๆ เราก็เป็นห่วงว่าเขาจะอยู่ยังไง ถ้าหิวจะทำยังไง คิดมากไปหมดแต่จริงๆ ที่ทำให้ร้องไห้เพราะว่ามันเหมือนได้เห็นเขาเติบโต เป็นความรู้สึกปลื้มและตื้นตันมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเราเลี้ยงคนคนหนึ่งมาจนเข้าโรงเรียนแล้ว เรียกว่าไปส่งทุกวันก็ร้องไห้ทุกวัน ไปส่งแต่ละทีกว่าจะกลับบ้านได้ก็นานเหมือนกัน คนที่ที่โรงเรียนเริ่มสงสัยกันแล้ว คนนี้แปลกๆ นะมายืนซุ่มอยู่นานจัง
ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องไปยืนชะเง้อที่รั้วโรงเรียนอนุบาล แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ให้คุณครูหรือผู้ปกครองท่านอื่นเห็นมาก่อน เมื่อก่อนเราก็เคยเห็นข่าวแบบนี้มาบ้าง ตอนนั้นเคยไปส่งหลานเห็นพ่อแม่คนนั้นคนนี้ยืนเกาะรั้วดูลูกก็ยังสงสัยว่าไม่มีงานทำกันเหรอ ร้องไห้อะไร อ่อน! ไร้สาระ พอมาถึงคราวของตัวเองวันที่ลูกลงจากรถโบกมือบ๊ายบายเท่านั้นแหละโอ้โห! นี่ขนาดพูดให้ฟังยังจะร้องไห้เลย
เขาเริ่มไปโรงเรียนแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่าเพื่อนชื่ออะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนผู้ชาย ซึ่งเราก็รู้สึกว่าคิดถูกไหมที่ไปโรงเรียน เริ่มห่วงแล้ว แล้วอบเชยเป็นคนที่ชอบไปปลอบเพื่อน เห็นเพื่อนร้องไห้ก็ไปปลอบ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มรู้สึกว่าไปกอดเพื่อนผู้ชายถี่มากเกินไป อันนี้เดี๋ยวเริ่มต้องคุยกันแล้ว
ครบรอบแต่งงาน 12 ปีอยากจะบอกว่ามันแปลกตรงที่พอเรามีลูกด้วยกัน มันก็จะมีความที่ทะเลาะกันบ่อยเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการถกเถียงเรื่องการเลี้ยงลูกมากกว่า แต่พอหลังจากที่ลูกหลับเราก็จะมีการคุยกันบ้างเรื่องของความหวานความเอาใจใส่มันก็เลยไม่ค่อยหายไป อย่างที่บอกเราเป็นเหมือนคู่ชีวิต เป็นเพื่อนรักกันด้วย มันก็ทำให้การใช้ชีวิตการเป็นครอบครัวมันเติมเต็มและอบอุ่น เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเปลี่ยนแปลง ยิ่งนานขนาดไหนมันก็ยิ่งแน่นมากขึ้น
พอเรามีเรื่องลูกก็จะไปให้ความสำคัญกับลูก อย่างที่บอกว่าพี่โย่งเป็นสายซอฟต์ที่อบอุ่น แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันจนมันเป็นความอบอุ่นที่คุ้นเคย เราก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร คือเอาจริงๆ นึกไม่ออกว่าถ้าไม่มีกันจะรู้สึกแบบไหน แล้วพี่โย่งไม่ได้ดูแลแค่เราแต่จะดูแลทุกคนรอบตัว เราก็จะรู้สึกว่าเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกพิเศษมาก แต่ว่ามันเป็นความพิเศษที่มีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้ขิง แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มาตลอด
บอกรักกันทุกวันมันทำให้ไม่ห่าง มันยังเป็นความรู้สึกที่สนิทอบอุ่นแน่นเฟ้นอยู่ เอาจริงๆ การบอกรักมันเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดแล้วในการแสดงความรักต่อกัน มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จริงๆ แล้วมันเยียวยาจิตใจได้มากเลยสำหรับคู่รักหรือว่าครอบครัว ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็น”