“มิเรียน” คนสนิท “พีเค” เปิดใจ มีความสุขที่ได้อยู่ข้างเขา เผยฝ่ายชายพาไปเจอครอบครัวแล้ว
ออกมาเปิดใจครั้งแรกสำหรับ “มิเรียน สุเดชา อัคเซลการ์ด” สาวคนใหม่ของ “พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร” หลังเปิดตัวกลางสตอรี่ไอจี ที่ปิดฉากกับ “โจลี่ เหงียน” ไป ล่าสุด “มิเรียน” ได้ออกงานและเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดว่า
“เป็นคนที่อยู่ในข่าวค่ะ ที่พัทยาก็ใช่ ก่อนหน้านี้รู้จักกัน ไปเจอกันที่ร้านอาหาร ก็ไปในฐานะน้องคนนึง เป็นห่วงเขา ก็เลยคุยเป็นเพื่อน เหมือนเขาดื่มเยอะ จำอะไรไม่ค่อยได้ อยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย เราก็ไม่ได้รู้สึกห่วงแบบพี่น้อง ไม่ใช่ชู้สาว เหมือนเขากำลังมีปัญหา คิดว่าไม่ควรอยู่คนเดียว แค่นั้นเอง ชวนลูกสาวไปด้วย
จุดเริ่มต้นรู้จักกันมานานมาก 7-8 ปี จากทางครอบครัว คนนั้นคนนี้แนะนำให้รู้จัก ซึ่งเรามีลูกแล้ว แต่โสด สามีเสียชีวิต ตั้งแต่ลูกได้ประมาณเดือนนึง ตอนที่สามีเสีย เราพักผ่อนน้อยดื่ม เราเลยเห็นภาพ ความทรงจำเดิมๆ เขาก็อ่านข่าว เขารู้สึกผิด เราเลยบอกเขาว่าต้องเปลี่ยน เลยให้ลูกกับคุณตาแล้วก็พี่ๆบินมาจากเชียงใหม่ และไปพัทยา ไม่ได้ไป 2 คน ไปกันหลายคน ตอนนั้นลูกออกไปทะเล เราไม่ได้รู้สึกอะไร เขาบอกอยากใช้ชีวิตปกติ เขาไม่มีเพื่อน ใครก็ไม่อยากเจอเขา
ส่วน “I'm not Jolie” เป็นอินไซด์โจ๊กของเรากับ “พี่พีเค” ช่วงที่เราไปพัทยา เราพาเขาไปเดินวอคกิ้งสตรีท ให้ดูโลกภายนอก พอไปที่ไอคอนสยาม คนมองพีเคแบบยิ้มให้ แต่มองเราหัวจรดเท้า เราก็เลยบอกเดี๋ยวไปซื้อเสื้อบอกว่า “I'm not Jolie” ไม่ได้ตั้งใจเป็นข่าว จริงๆ เขียนไม่ชัดเลยนะ และเขาก็หัวเราะ แค่นั้นเลย ถามว่ากลัวไหมคนจะมองไม่ดี เราไม่ได้ชอบที่อยู่วงการ ทำอินกับการทำธุรกิจ มันไม่ได้มีผลกับการทำงาน ส่วนสถานะเราผ่านการสูญเสีย สามีเสียชีวิต เราคุยกันหัวเราะ อยู่ด้วยกันมีความสุข ไม่ได้มีแผนอนาคต แฮปปี้มาก พอมาถึงจุดที่เสียสามี เราไม่ได้รอ เราเอ็นจอย ใครเรียกอะไรไม่รู้ แต่เราอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกสาว ว่าถ้ามีความสัมพันธ์ความรักที่ดีกับคนนึง เขาก็จะเห็นแบบนั้น เขาโตมากับตายาย เราอยากมีตรงนั้นให้ลูกเห็น
ประเด็นสาวคนใหม่ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่พฤหัสที่แล้ว ที่บินไปเชียงใหม่ จาก 1 วันตกเครื่อง 2 รอบ ถ้ายูกลับไปไอคงดื่มนั่งดูยูทูปเหมือนเดิม เป็นห่วงไหม เราก็พยายามเชียร์อัพ เขาดูแลคนในครอบครัวดีมาก ไม่เคยเห็นพี่พีเคว่าใคร ทุกคนเป็นห่วงเขา ถ้าเขายิ้มได้ก็โอเค ถามว่าธุรกิจจะทำยังไง ตอนนี้เราเป็นห่วงเขา คือจริงๆ เราไม่ได้ทำธุรกิจที่เชียงใหม่ แต่บ้านเราอยู่เชียงใหม่ แต่ธุรกิจเราอยู่ที่นี่ ทุกอาทิตย์จะบินไปมา ประมาณวันพฤหัสกลับศุกร์เสาร์ กับพี่พีเคเราก็อยู่ได้ เรามีเวลาทำงาน ถ้าชอบก็ต้องทำให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พี่เขาคงเสียใจ เขาเป็นคนเทคแคร์ดูแล เขาคงรู้สึกว่าทำไมทำกับเขาแบบนี้ เราฟังเขาพูดหลายวันวนไปมา
โจลี่โทรมาด้วย? ใช่ค่ะ กำลังคุยกันอยู่ มีข่าวพัทยาเขาก็โทรมา? น่าจะใช่ เขาก็โทรมา ขึ้นเป็นวิดีโอคอลมา เรารู้สึกว่ากำลังแฮปปี้กันอยู่ ตอนนั้น ไม่ได้คุย ไม่ได้อะไรเลย พี่พีเคก็ไม่ได้รับสาย เราก็ไม่รู้เขาคอลมาทำไม ตอนนี้เป็นพยาบาลส่วนตัวเป็นผู้นำสติ ส่วนสภาพจิตใจเรียกแบบนี้ดีกว่า คือทุกครั้งที่มันมีความรู้สึกวิ่งเข้ามา ก็อาจจะมีความรู้สึกบ้าง อย่างเช่นเวลาไปในที่ๆ เคยไป หรือนึกถึงความสัมพันธ์เก่าๆ ถ้าเขารู้สึกขึ้นมา เขาก็จะร้องไห้ แต่เราก็เข้าใจนะคะ เข้าใจเลยว่ามันคือเรื่องธรรมดา และเราเองก็รู้สึกด้วยว่าเขาไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะเราก็เคยผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ทั้งจากเรื่องส่วนตัว และเรื่องงาน คือเราอยู่ได้ สามีเราเสีย เราก็ยังอยู่ได้ เนื่องจากเราไม่เคยอยู่คนเดียว เรามีคนที่เป็นกำลังใจให้เราเสมอ
ถามว่าถ้าหากในอนาคตความสัมพันธ์พัฒนามากขึ้น เราจะบอกลูกไหม? คือมันเป็นเรื่องของเรา เป็นความสัมพันธ์ของเรากับใครสักคน แต่ด้วยฐานะของเราที่เป็นแม่ ดังนั้นแม่ก็ต้องเอาลูกไว้เสมอ ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องดูด้วยว่า เราแฮปปี้ไหม ลูกเราแฮปปี้ไหม เขาแฮปปี้ไหม และครอบครัวสองฝ่ายแฮปปี้ไหม ทางพี่พีเคเคยพาเราไปเจอกับครอบครัว ทางครอบครัวเขาเองก็เป็นห่วงเรื่องการเสียใจ เรื่องการดื่ม ซึ่งเราก็บอกไปแล้วแหละ ว่าเดี๋ยวเราจะช่วยดูให้ ยอมรับมีความสุขที่จะอยู่เคียงข้างเขา