“ขนม ทารีน่า โบเทส” เปิดปมในใจเรื่องช็อตไมค์! ยอมรับเครียดถูกดราม่าข้อด้อยของตัวเอง
สาวงามลูกครึ่งไทยแอฟริกัน “ขนม ทารีน่า โบเทส” จากเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2566 เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตที่โดนบูลลี่ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนเอเชียผิวสีเหลือง เดินสายประกวดนางงามมาแล้วถึง 30 เวที ในอดีตเคยมีปมในใจโดนดราม่าเรื่องภาษาว่าช็อตไมค์ กว่าจะมีมงอย่างวันนี้ได้ต้องเพียรพยายามพัฒนาตัวเอง ในรายการ WOODY FM
มาเมืองไทยกี่ปีแล้ว คุณเกิดที่ไหน ?
ทารีน่า : ทารีน่าเกิดและโตที่แอฟริกาใต้ และย้ายมาที่ประเทศไทย 4 ปีแล้วค่ะ
ตอนที่โตที่แอฟริกาใต้ชีวิตเป็นยังไงบ้างในฐานะที่เป็นลูกครึ่งไทย-แอฟริกาใต้ ?
ทารีน่า : ทารีน่ามีชีวิตที่ดีมาก แต่ที่โน้นหลายๆ คนไม่ได้ยอมรับ เขาไม่ได้มองทารีน่าเป็นคนแอฟริกาใต้ เขามองทารีน่าเป็นคนไทย แล้วตอนนี้คนก็ไม่ได้มองว่าทารีน่าเป็นคนไทย เขามองทารีน่าเป็นฝรั่ง เพราะฉะนั้นทั้งสองประเทศไม่เคยมองทารีน่าแบบที่ทารีน่าเป็น
เหมือนว่าคุณไปไหน เขาก็ไม่คิดว่าคุณเป็นคนของที่นั่น ?
ทารีน่า : ใช่ค่ะ
ตอนเด็กที่โตขึ้นมาเจอปัญหาอะไรบ้าง การที่เขามองว่าคุณเป็นคนไทยที่แอฟริกาใต้ ?
ทารีน่า : หลายคนบูลลี่ทารีน่า เพราะว่าเป็นคนเอเชีย เขาไม่ได้ยอมรับในตัวตนที่ทารีน่าเป็น แล้วก็พูดว่าผิวสีเหลือง จะมีคำพูดแบบนั้นอยู่ตลอด แต่ว่ามันช่วยให้ทารีน่าโตขึ้นเป็นคนเข้มแข็งมากจริงๆ แล้วก็ไม่ยอมให้มันทำอะไรเราได้
คุณได้พลังงานบวกจากไหนกับการที่เราจะสามารถมีพลังพอที่จะอยู่กับมันได้ ?
ทารีน่า : ตั้งแต่เด็กทารีน่าเป็นคนคิดในแง่บวกตลอดเวลาค่ะ ทารีน่าชอบส่งพลังบวกให้กับทุกคน รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่คิดบวกอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก ในการร่าเริงแล้วก็เป็นกันเอง และไม่เคยพูดคุยในแง่ลบ แล้วก็ไม่ยอมให้สิ่งนี้ทำอะไรเราด้วย ฉะนั้นถ้ามีใครมาแง่ลบใส่เรา ทารีน่าจะไม่สนใจ คิดแบบนี้ตลอดมาตั้งแต่เด็ก
เคยร้องไห้บ้างไหมตอนเด็กๆ ?
ทารีน่า : ไม่ร้องไห้ค่ะ ในแอฟริกาใต้มีการเหยียดเชื้อชาติมากมาย แต่ว่าเราได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เป็นรัฐสายรุ้ง และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังพยายามในการเรียนรู้ที่จะเคารพและรักซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวสิแบบไหน
ตอนมาเมืองไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณเป็นคนที่ประกวดเยอะมาก 30 เวทีได้ไหม ?
ทารีน่า : ใช่ค่ะ เยอะมากค่ะ
ประสบการณ์จากการประกวด 30 เวที มีอะไรที่ได้เรียนรู้บ้าง ?
ทารีน่า : อย่างที่บอกค่ะต้องคิดบวกอยู่เสมอ ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะว่าวันนี้เราอยู่ในโลกที่แสวงหาการยอมรับจากผู้อื่นอย่างมาก แล้วเราก็ไม่พอใจในสิ่งที่เราเป็น แต่มันสำคัญที่จะรู้ว่าเราเป็นใคร เรายืนหยัดเพื่ออะไร อย่าให้คนอื่นมาทำอะไรเรา มันสำคัญมากที่ต้องมีความคิดที่แข็งแรง นั่นเป็นสิ่งที่ทารีน่าเรียนรู้จากการเป็นนางงาม สอนให้เป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ
ทำไมถึงรู้ตัวเองว่าอยากเข้ามาสายนี้ อะไรที่รู้สึกว่าฉันชอบและอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ?
ทารีน่า : เพราะความเพียรและความชอบ ให้เราทำตามความฝันได้ รู้สึกว่าทุกคนบนโลกนี้มีความฝันหมด แต่การมีฝันคือการที่เรามองภาพ อยากจะให้จุดหมายของเรามุ่งมั่นไปสู่มัน ก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะค้นหาจุดประสงค์ของตัวเอง และทำให้แน่ใจว่ามันจะกลายเป็นความจริง ทารีน่าชอบเป็นนางงาม ชอบเดินบนเวที มันคือการรวมกันของทุกสิ่งที่ทารีน่ารัก ไม่ใช่แค่ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ แต่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบด้วย และทารีน่าชอบช่วยเหลือสังคมและได้มอบพลังบวกให้พวกเขา
ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากไหม ?
ทารีน่า : ยากมากค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เด็กทารีน่าไม่พูดภาษาไทยกับคุณแม่ แล้วตอนที่ย้ายมาประเทศไทยเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ไม่สามารถสื่อสารกับคนไทย ทุกวันทารีน่าต้องไปเรียนพูดภาษาไทย 1 ชั่วโมงต่อวัน แต่รู้สึกว่าไม่พอ หลังจากนั้นทารีน่าก็ไปเรียนภาษาไทย 3 ชั่วโมงต่อวันแล้วก็เห็นความแตกต่าง ช่วยได้เยอะมาก
มีอะไรที่กลัวตอนอยู่บนเวที ?
ทารีน่า : ตื่นเต้นมากเวลาตอบคำถามค่ะ คิดว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้เครียดที่สุดสำหรับทุกคนบนเวที แล้วเวลาทารีน่าเดินบนเวทีรู้สึกมีความสุขมากๆ แต่ว่าเวลาตอบคำถามเรารู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา แต่ก็เตือนตัวเองว่าใจเย็นๆ เราทำได้แล้วก็พูดออกมาจากใจ
ที่ผ่านมาไม่ได้มีโอกาสสื่อสารได้อย่างครบถ้วนในภาษาไทย ตอนที่ตอบคำถาม แล้วมันก็เป็นปมที่อยู่ในใจ ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไง ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ในวันนั้น ?
ทารีน่า : วันนั้นเป็นวันที่ทารีน่าไม่มีวันลืมค่ะ จริงๆ มันเกิดขึ้นกับทารีน่า 2 ครั้ง ที่เคยประกวดแล้วก็มีปัญหานี้ เพราะว่าตอนนั้นเครียดคิดมากและคิดไม่ออก รู้สึกว่าฉันรอคอยเวลานี้มานานมากแล้วมันก็พังในเวลา 30 วินาที รู้สึกเสียใจอยากร้องไห้ด้วย หลังจากที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น
ภาพเหตุการณ์นั้นก็วนมาซ้ำๆ แล้วจนรู้สึกว่าต้องขอร้องอ้อนวอนพระเจ้าให้เอาความทรงจำเรื่องนี้ออกไปจากสมอง อยากจะลืมมันไปเลย ไม่ว่าไปที่ไหน ผู้คนก็จะพูดถึงเรื่องเดิมว่า ยูช็อตไมค์! มีมงกฎอยู่แล้ว แต่ขว้างทิ้งไปเลย แล้วทุกคนก็ถามเรื่องนั้นตลอด รู้ไหมมันเป็นสิ่งที่ทารีน่าอยากจะลืมมัน มันเป็นข้อด้อย
แต่ทารีน่าก็เก็บเอาช่วงเวลานั้นมาพัฒนาตัวเองตลอดเวลานะคะ ไปเรียนรู้ฝึกฝนการพูดในที่สาธารณะ เพราะอยากเอาข้อด้อยนั้นมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ และตอนประกวดที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ ก็รู้สึกว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดที่ทารีน่าเคยเป็น มีการสัมภาษณ์ทุกวันเราสามารถตอบคำถามได้ดี ผลตอบรับก็ดีมากๆ เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอดีต และใช้สิ่งนั้นมาพัฒนาให้เป็นตัวเราในวันนี้