“เอมมี่ มรกต” รับเคยเลิกกับสามีเพราะฝ่ายชายไม่อยากมีลูก?!
ออกมาเปิดใจสำหรับสาว “เอมมี่ มรกต” ที่วันนี้ควงคุณสามี “หนุ่ม จิรยุทธ” มาเปิดใจที่แรกกับเส้นทางรัก 17 ปี และปัญหาความรักที่ทำเอาทั้งคู่เกือบเลิกกันในรายการ คุยแซ่บshow ว่า
อ่านข่าวต่อ : “เอมมี่ มรกต” เผยทริคมัดใจสามีอยู่หมัด เล่าจัดทริปสวีทสามีสานสัมพันธ์ 2 ต่อ 2
สำหรับเราสองคนคบกันมานาน แต่งงาน 8 ปี คบกัน 9 ปี ทั้งหมด 17 ปี จุดเริ่มต้นเริ่มจากพี่ดูทีวี วันนั้นเป็นประกวดนางงามอะไรสักอย่าง จำได้ว่าพี่ดู๋ สัญญา เป็นพิธีกรคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในรายการประกวด แล้วผู้หญิงคนนี้พูดภาษาอังกฤษ แล้วพี่ดู๋พูดภาษาไทย พี่ก็ดูแบบไม่ได้ตั้งใจดูมาก ผู้หญิงคนนี้สวยดี มาบอกกับน้องในออฟฟิศว่าเมื่อคืนดูรายการ พิธีกรผู้หญิงสวย น่ารักดีนะ เขาก็บอก เอมมี่ มรกต เราก็ได้ยินแค่ “เอมมี่ มรกต” หลังจากนั้นไม่นานสัก 2-3 อาทิตย์ พี่ทำโฆษณาใช่ไหม มันมีหนังโฆษณาเมืองนอก แชมพูติดต่อมา เขาหาคนแคส พี่บอกแคสติ้งว่าพี่ฝากเอาเอมมี่ มรกต มาแคสลึกๆ ก็คืออยากเจอ ถึงเวลามาแคสที่ออฟฟิศ พอเดินขึ้นมาพี่เปิดประตู พี่อึ้งเลย ผมพังมาก แดง ยาว พังมาก ครั้งแรกพี่ก็สงสารไม่อยากให้ลงไปเจอพวกน้องแคส ก็เลยนั่งคุยอยู่ในห้อง กลัวเขารู้สึกไม่ดี คือใจไม่ได้แน่ รู้ว่าส่งไปไม่ได้หรอก ก็สงสารเขา เรียกน้องเข้ามาถ่ายในห้อง
เอมมี่ : ปกติไปแคสงานก็จะมีผู้จัดการไปด้วยทุกครั้ง วันนั้นบังเอิญพี่แอมบอกเสร็จงานไม่ทัน เราก็บอกไปเองได้ แคสติ้งแค่นี้เอง ก็เลยกลายเป็นว่าแคสติ้งไรเรกเตอร์ไม่อยู่ ผู้จัดการตัวเองไม่อยู่ก็เลยได้อยู่กันสองคน
เราเห็นพี่หนุ่มปุ๊บเรารู้สึกยังไงบ้าง?
หนุ่ม : สตั้นท์
เอมมี่ : งงว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไร ติดกระดุมถึงสะดือ ติดอยู่เม็ดเดียว แล้วใส่สร้อย สร้อยก็ยาวถึงสะดือ มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก หน้าตาอาจจะไม่ได้หล่อ แต่นิสัยอาจจะดีมาก ก็ลองคุยดู วันนั้นคุยไปคุยมา 3 ชม.
หลังจากนั้นเป็นยังไง?
หนุ่ม : ก็ไม่เป็นไง รู้ว่าเขาต้องไปเดินแบบ พี่จำได้ว่าพี่ไปยิม ก่อนที่จะเปลี่ยนชุด วางโทรศัพท์ในล็อกเกอร์ พี่ก็ส่งข้อความไปขอบคุณหน่อย ขอบคุณนะคะที่มา ดีใจที่ได้เจอคนที่คุยกันรู้เรื่อง ประมาณนี้จำไม่ได้ พอกลับมาก็เห็นเขาตอบกลับมา พี่โทรกลับไปเขากำลังแต่งหน้าจะเดินแบบ เขาก็ใส่หูฟังคุยต่อเป็นชั่วโมง
แล้วเอมมี่รู้สึกยังไงบ้าง ?
เอมมี่ : ก็ตั้งใจกะว่าจะหลอกเล่นๆ ไม่หรอกมี่ชอบความคิดของเขา เขาก็เรียนเมืองนอกมา เราก็เป็นเด็กที่มาจากอังกฤษ ไม่ได้รู้จักใครมาก เพื่อนอาจจะไม่ได้เยอะมาก แล้วเหมือนเขาเก็ทในสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตอนนั้นเราอยากทำงาน แล้วอยากเป็นอะไรสักอย่าง เขาก็เข้าใจ เหมือนจะซัพพอร์ตสิ่งที่เราเป็น ณ วันนั้น เราก็เออ คุยถูกคอ แต่วันนั้นพอมี่บอกพี่หนุ่มกำลังจะไปเดินแบบแล้วนะคะ เขาบอกไม่เป็นไรถือสายรอได้ มี่ก็เลยเอาโทรศัพท์วางไว้ในกระเป๋า เค้าก็ไม่วางสาย มี่หายไปประมาณ 40 นาที พอกลับมาเขายังอยู่ในสายก็รู้สึกดี หลังจากนั้นคุยทั้งหมด 3 วันคุยยาว 72 ชั่วโมงไม่วางสายเลย
เห็นว่าคบกันมา 6 ปี ความเห็นไม่ตรงกันแล้วเลิก?
หนุ่ม : เรื่องมีลูก
เอมมี่ : พอเราคบกันมาหลายปีแล้ว เราก็เล่าความฝันให้เขาฟัง เขาจะพูดตลอดเวลาว่าเขาไม่อยากมีลูก มี่รู้สึกว่ามี่เกิดมาเป็นมนุษย์แม่ อยากมีลูก แล้วเขาก็ไม่เก็ท จนปีที่6 เราก็เริ่มซีเรียสขึ้น เราก็อายุ 20 ปลายๆ แล้ว ก็คุยกันเรื่องนี้ ก็หลายรอบที่คุยแต่มันก็ไม่ลงตัวสักที ครั้งสุดท้ายทะเลาะกันยิ่งใหญ่เลย
หนุ่ม : เรื่องนี้มันทำให้เรามีความหงุดหงิด เหมือนต่างคนต่างมีข้อนี้ในใจ พี่ไม่อยากมีจริงๆ พี่เคยบอกว่าโลกเราสมัยนี้มันอยู่ยาก คนไม่น่ารักเหมือนสมัยก่อน แล้วพี่รู้สึกว่าพี่เป็นคนรักคนไม่ค่อยเป็น เวลารักใครเนี่ย ก็จะรักมาก แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าคนนั้นจะอึดอัด รักแล้วเราก็ต้องมานั่งเป็นห่วง เห็นแก่ตัวแหละ คือมันไม่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นกับใคร แล้วเขาก็สตรองมากที่อยากมี มันหาจุดลงตัวไม่ได้ มันก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องอื่น แต่เรื่องนี้มันเหมือนติดอยู่ในใจ สุดท้ายวันนึงก็เลิกกัน นั่นแหละห่างกันสัก 2 ปี
เอมมี่ : หนูก็ไปเดทกับคนอื่น
หนุ่ม : ออกเดทเต็มเหนี่ยวเลยกลับมาโสด
เอมมี่ : พี่หนุ่มไปคุยกับคนอื่น เราก็ไปคุยกับคนอื่น มันรู้สึกยังไม่ใช่ ยังคิดถึงกันอยู่
หนุ่ม : เห็นพี่หนุ่มไปคุยกับคนอื่นเลยรีบกลับมา ก็ขอนัดคุย ก็มาคุยกันว่าเอายังไง รักกันก็รักกัน อยากจะกลับมาคบกันไหม ก็มีข้อสรุปง่ายๆ พี่หนุ่มให้เวลา 2 ปี แต่งงาน มีลูก สเต็ปแรกพี่ยอมก่อน แต่เขาก็ยอมจากมุมที่ยังไงเขาต้องมีให้ได้ พี่ก็บอกอย่างนี้ไหม 2 ปีแล้วให้ธรรมชาติกำหนดว่าเราจะมีลูกไหม แต่ต้องสัญญานะว่าถ้า 2 ปีแล้วยูต้องไม่งอแง ถ้าพ้นไปแล้ว เราก็ใช้ชีวิต 2 คน คือข้อตกลงเจอกันคนละครึ่งทาง แล้วก็กลับมา และแต่งงาน มาใช้ชีวิตพยายามมีลูกกัน 2 ปี
เอมมี่ : เราต้องมานั่งดูวันไข่ตก แล้วก็สะกิดถึงเวลาแล้วๆ เขาไม่ชอบอะไรที่โดนบังคับอยู่แล้ว 6 เดือนก็ไม่ติด ทุกๆ เดือนเวลาเราตรวจแล้วไม่ขึ้น 2 ขีด เราก็จะเสียใจ