“เซ้ง วิชัย” ยันสถานะ “ฟรีน สโรชา” ไม่พัฒนา! หลังเจอดราม่าคุกคามพื้นที่ส่วนตัว
เป็นอีกคู่ที่ถูกคุกคามถึงพื้นที่ส่วนตัว ก่อนนำมาปล่อยว่อนโลกโซเชียล จนทำให้สภาพจิตใจแย่ทั้ง “เซ้ง วิชัย แซ่ฟ่าน” และ “ฟรีน สโรชา” ล่าสุดหนุ่ม “เซ้ง” ออกมาเผยถึงดราม่านี้เป็นครั้งแรกว่า...
อ่านข่าวต่อ : “เซ้ง วิชัย” อัปเดตคดีมีการสอบปากคำคนร้ายแล้ว ตอนนี้ขอโฟกัสที่ผลงาน
“ตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้มีการดำเนินการในเรื่องของคดีความได้ปรึกษาเรื่องกฎหมาย โดยที่ทางเราได้เรียกตัวคนร้ายมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าด้วยความที่กฎหมายระหว่างประเทศที่ยังไม่ครอบคลุมอยู่ ตอนนี้ก็เลยมีการบินกลับประเทศไปวันที่สอบปากคำเสร็จ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการพูดคุยกับทางตำรวจ แล้วก็ทางทนายในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ
ในส่วนสภาพจิตใจ ตอนนั้นก็แย่กันมากๆ เครียดมากๆ กันทุกฝ่าย ทั้งสภาพจิตใจและความรู้สึก แต่ตอนนี้ก็พยายามรักษาสภาพจิต ใจแล้วก็โฟกัสกับงานที่ได้รับ อย่างตัวของผมเองก็ยังไม่ร้อยเปอร์ เซ็นต์ แต่ยังมูฟออนอยู่เรื่อยๆ รู้สึกโชคดีที่ได้กำลังใจจากคนรอบตัวและครอบครัว ผมคิดว่าเป็นคอมเมนต์ที่แย่มากในระดับหนึ่ง รู้สึกว่าในฐานะคนๆ หนึ่ง ไม่ควรมีใครต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ ถ้ากระแสโจมตีมันมาลงที่ผมคนเดียว ผมโอเค ไหว แต่ตอนนี้ที่มันเกิดขึ้น คือมันไปถึงคนรอบข้างและคนรอบตัวผมเลย ผมเลยได้มีการคุยกับทนายและตำรวจ เพื่อพิจารณาฟ้อง
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เครียดกันมากๆ รวมถึงความรู้สึกด้วย ก็พยายามรักษาสภาพจิตใจและพยายามโฟกัสกับงานที่เราทำ ก็มีคนรอบข้าง พี่ๆ แฟนคลับ ที่คอยส่งกำลังใจให้เสมอ รวมถึงครอบครัว ที่เข้าใจในปัญหา และคอยให้กำลังใจ จนผ่านเรื่องทุกอย่างไปได้ ในเรื่องของความสัมพันธ์ ก็อย่างที่ผมแจ้งไปเลย ว่าตอนเกิดเรื่องเครียดกันมากๆ แล้วตอนนี้เราก็ได้โฟกัสกับงานที่เราได้รับกันอยู่ และที่กำลังทำอยู่ เราพูดคุยกันในเรื่องของคดีความเป็นหลักเลย ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้อัปเดตหรือพัฒนาอะไรเลยครับ (แสดงว่าความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน?) ผมคิดว่าหลังจากเกิดเรื่องมา เราได้มานั่งทบทวน กลับมาพูดคุยกันถึงผลกระทบต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น แล้วก็อยากที่แจ้งไป ว่าเราสองคนโฟกัสที่การทำงานเป็นหลัก เรื่องความสัมพันธ์เราไม่ได้พูดถึง หรือไปจัด การกับตรงนั้น ต้องใช้เวลาเยียวยาใจ คอยให้กำลังใจกันเสมอ รวมถึงพี่ๆ แฟนคลับที่คอยให้กำลังใจเรา เรารู้สึกว่าทุกๆ ปัญหามันต้องใช้เวลาในการเยียวยาความรู้สึก และเราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ และงานต่างๆ ที่เข้ามา เรารู้สึกว่าเราอยากโฟกัส และอยากพัฒนาตัวเองสำหรับงานที่เราได้รับอยู่ตอนนี้ เลยโฟกัสไปที่การทำงานเป็นหลัก
ยังไม่ได้ลืมร้อยเปอร์เซ็นต์ รู้สึกว่าทำให้เราได้มองโลกในมุมที่กว้างขึ้นกว่าเดิม รู้สึกว่าการกระทำที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กลับกลายเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้สังคมมองผมไปในหลากหลายรูปแบบ อยากจะขอบคุณทุกๆ กำลังใจ และทุกๆ คนที่คอยอยู่ข้างๆ และยังซัพพอร์ตผลงานของผม ต่อจากนี้ผมจะพิสูจน์ตัวเองเต็มที่ผ่านผลงาน ว่าผมก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่ทุ่มเทและรักในผลงานของผม อยากให้ทุกคนรอชมผลงานของเราด้วย ชีวิตตอนนี้มันอาจจะไม่สามารถลืมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เรารู้สึกว่าเราพยายามก้าวผ่านมันมา เพราะสุดท้ายแล้วยังมีงานและโอกาสที่เข้ามา เราพยายามโฟกัสกับสิ่งที่เราได้รับ”
