เปิดใจ “อาทิตย์ ริว” กับวิกฤตชีวิตเซ่นพิษข่าวฉาว จนคิดสั้นฆ่าตัวตาย 2 รอบ
อดีตตพระเอกยุค 90’s “อาทิตย์ ริว” ที่ตอนนี้ออกมาเปิดชีวิตหลังอำลาวงการไปนาน 17 ปี ใช้ความรักนำทางจนทำชีวิตพังเกือบฆ่าตัวตายมาแล้ว และประเด็นเรื่องลูกคนที่4 ซึ่งไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ว่า
ตั้งแต่ออกไปแล้วเกือบ 20 ปี แต่ก็มีดูบ้าง ข่าวของน้องๆ พี่ๆ ที่อยู่ในกระแสเขาโอเคไหม เขาอยู่ในสภาพจิตใจแบบไหน แต่เรื่องของเรา เราไม่ดูเลย ตอนแรกที่ตัดสินใจให้คุณบอย วันบันเทิงมาสัมภาษณ์ผมคิดหนักนะว่าผมจะเปิดตัวยังไง จะให้คนอื่นเขาเห็นในสิ่งที่ริวในฐานะนักแสดงเก่า เป็นสภาพแบบไหน ก็คิดว่าผมจะเปิดดีไหม
แต่มันก็มีบางกระแสที่ย้อนกลับไปด่าอดีตต้นสังกัด คือเรื่องนี้ผมต้องกราบขออภัยเฮียด้วยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไร ผมรักเฮียเหมือนเดิม ผมไม่ได้พูดถึงในแง่ต่อว่าหรืออะไร แต่ในตอนนั้นผมให้สัมภาษณ์เพราะว่านั่นคือความรู้สึกจากใจผมที่ผมทำทุกอย่างเพื่อ RS ผมพยายามรักษาภาพลักษณ์ทุกอย่างในชีวิตส่วนตัวด้วย สุดท้ายจังหวะที่ผมบอกความเป็นจริง ทุกคนอาจจะเข้าใจผิดคำว่าเฮียฮ้อ แต่จริงๆ บทบาทที่ผมจะได้เล่นละครใน RS คือ เฮียเตี้ย เป็นน้องชาย ตอนนั้นผมมีความคุ้นเคยกับเฮียและมีความสนิทมาก มีความผูกพันและเขาก็ดูแลผมดีมาก ทีนี้จังหวะที่ผมตัดสินใจจะออกจากวงการบันเทิงเป็นการปิดกล้องของละครวัยร้ายเฟรชซี่ ที่มีน้องแดน น้องบิ๊ก B2B น้องอ้อน ลักขณา เขาก็ดีใจฉลองปิดกล้อง มันเป็นจังหวะที่ผมตัดสินใจเปิดเผยว่าจะเลือกเส้นทางนี้หรือเลือกชีวิตส่วนตัว ผมก็เลยถือโอกาสนี้กราบขอโทษทุกท่านด้วย อย่าไปโจมตีเฮียฮ้อ ไม่ได้เกี่ยวกับเฮียฮ้อ และผมก็ไม่ได้ไปโจมตีใคร ต้องกราบขออภัยด้วยครับ เฮียเตี้ยครับผมขอโทษที่ผมพูดยังไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบ
ถามว่าจริงๆ มันไปด้วยกันไม่ได้เหรอมีครอบครัวแล้วเราก็ทำงานไปด้วย คือสมัยก่อน ดารายุค90’sการที่บอกว่ามีแฟน ถ้าเราเป็นพนะเอกความนิยมของเขาจะน้อยลง เขาเกาะติดคล้ายๆ ไอด้อล พระเอกของเขา ทีนี้ถ้าพระเอกของเขาจะไปมีแฟน หรือว่าจะมีเรื่องของผู้หญิงเข้ามาเกาะแกะ เขาจะหวง ที่บอกว่าริวขาดความรัก เรื่องครอบครัว มันเป็นความรักที่ผมค่อนข้างปราถนาดี ปราถนาดีกับตัวเองด้วย ปราถนาดีกับเขาด้วย ว่าอยากมีลูก อยากมีความรักด้วยกัน อยากมีหัวแก้ว หัวแหวนด้วยกัน อยากจะเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป ก็ตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันนะ แต่มันยังขาดช่วงระยะเวลาศึกษาดูใจในความเป็นตัวตนของแต่ละคนจริงๆ อย่างบางคนเขาจะมองภาพในละคร เขามองภาพความเป็นพระเอก เขาบอกริวต้องเป็นอย่างนี้ ในละครริวเป็นอย่างนี้ ฉันรักริวในคาแรคเตอร์นั้น แต่ตัวผมไม่ใช่ ตัวผมมีความเป็นตัวเอง
ส่วนประโยคที่ว่าริวรู้สึกว่าไม่มีคนรัก จนทำให้คิดอยากฆ่าตัวตาย คือ พอหลังจากชีวิตความรักในครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเรามองภาพสวยเกินไป ถ้ามีลูก เราจะพาลูกไปตรงนั้น จะเลี้ยงลูกแบบนี้ เราจะซื้อเสื้อผ้าให้ลูก แต่งตัวให้ลูกอย่างนี้นะ คนเป็นพ่อจะเป็น เราจะปูเส้นทางให้เขาเดินยังไง ปรากฏว่าเส้นทางที่เราคิดกับความเป็นจริงมันสวนทางกันมันกลายเป็นความหึงหวง จากที่เขาบอกว่ารับได้ เขาบอกว่ารับไม่ได้ พอผมจบพังทลายกับชีวิตครอบครัว ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีปากเสียงกันนิดหน่อย แล้วแยกย้ายกัน และการที่ผมจะไปพบลูก ถ้าผมไปในสภาพที่ผมไม่มีเงิน ซึ่งคนเป็นพ่อจริงๆ ก็อยากให้เงินเขา เราอยากดูแลเขา การที่ผมเจอทุกครั้งมันต้องใช้เงิน ผมก็จะรู้สึกว่าลูกผมเป็นตัวประกันหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมคิดว่าถ้าผมมี ผมให้ แล้วผมก็ให้จริงๆ ผมเซ็นเช็คทีละ 3 -4 แสน ผมให้จริงๆ เพราะไม่ได้บ่อยเลยที่ผมมีโอกาสเข้าไปเจอลูก แต่ทุกครั้งที่ผมเจอลูก กอดลูกมันมีน้ำตา
ส่วนที่มองว่าชีวิตเราที่พังตอนนั้นไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่ลูก 3 คน ไม่ใช่อดีตภรรยา แต่เป็นเพราะโซเชียล เพราะสื่อ คือผมจะไม่โทษโซเชียล เพราะโซเชียลจะเป็นฟรีความคิดเห็นของคนว่าความรู้สึกผมเอ๊ะอ่านข่าวนี้เขาจะเชื่อหรือไม่ จะให้กำลังใจหรือด่า อันนี้ผมไม่เคยว่า แต่ผมก็บอกกับตัวภรรยาแล้วว่าอย่าไปสนใจได้ไหมกับกระแสพวกนี้ มันนานาจิตตัง ตัวผมเองทำงานในวงการบันเทิงผมรู้สิว่าถ้าเราไปแคร์มากกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงว่าผมคงไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ยอมแพ้ในชีวิต เพราะฉะนั้นเรื่องงานผมสำคัญมาก จากข่าวที่มันเกิดขึ้น อันนี้ทำให้เราคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ด้วยบาดแผลตรงนั้นมันหนักมาก คือพาดหัวว่า ริวเพี้ยนเข้าโรงพยาบาลบ้า สัมภาษณ์รายการ ปากโป้ง พี่หนุ่มกรรชัย เอาข้อมูลจากที่ต่างๆ ริวไปแก้ผ้าด่าศูนย์ AIS แต่การที่ใช้ปากพูดออกสื่อเนี่ย ผมถามหน่อย คนบ้าอะไรจะไปแก้ผ้าด่า AIS ขับเบนซ์คันเบอเร่อไปเสียค่าโทรศัพท์ 2 พันถึงขนาดต้องโมโหแก้ผ้าเหรอ ด้วยความที่คนอื่นแบบ อย่าไปคุยกับริว ริวมันบ้า แสดงว่าไปติดข้อมูลเก่าในสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่เคยมีใครแก้ให้เลย