“โอบ” โอดงานหินเล่นหนังอีสาน แฮปปี้รัก “มะปราง” 3 ปีไร้อุปสรรค
เป็นอีกหนึ่งพระเอกหน้าใสมากฝีมือที่สาวๆ เห็นก็ต้องกรี๊ด อย่าง “โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์” ที่ล่าสุดเจ้าตัวรับภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง “ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด” งานนี้จะหนักขนาดไหน และต้องพูดภาษาอีสานไหม รวมทั้งอัปเดตเรื่องความรักตอนนี้จะเป็นยังไง ไปฟังจากปากเจ้าตัวกัน
อ่านข่าวต่อ : “โอบ” ปัดมีปัญหากับ “มะปราง” ถ้าเข้าบทเลิฟซีน
หนังเรื่องนี้ต้องพูดอีสาน ผมเป็นคนพูดไม่ได้เลย เริ่มจากศูนย์ แต่ผมก็ชอบ เพราะการที่ได้บทบาทอะไรแบบนี้เข้ามาก็รู้สึกดี การเป็นนักแสดงจริงๆ ก็ต้องลองอะไรหลายๆ อย่างด้วย เป็นเรื่องที่ดีที่ได้ท้าทายตัวเองด้วย จริงๆ เรื่องนี้ถ่ายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แต่ไม่ได้บอกหรืออะไร ผมอยากให้ทุกคนรู้และคาดไม่ถึงในตัวบทที่ผมได้เล่น
มีการเวิร์คชอปและบินไปถ่ายที่ขอนแก่น 2-3 เดือน เราก็ได้รู้การใช้ชีวิตของคนที่นั่น ตอนแรกยากมาก เพราะภาษาอีสานแต่ละจังหวัดมันแตกต่างกัน เรื่องนี้เป็นอีสานขอนแก่น เราก็ต้องศึกษาตรงนี้ วิถีชีวิตรูปแบบใหม่เลย ผมไม่เคยเจอบ้าน ไม่มีแม้กระทั่งรั้วกั้นเป็นดินแดง ตอนเช้าก็จะมีฝูงควายเยอะมาก ผมได้เรียนรู้ว่าห้ามสบตากับควายเพราะมันจะวิ่งเข้าใส่เราเลย เพราะมันเยอะมากๆ 20-30 ตัว บินไปบินกลับอยู่ 2 เดือน เพราะเราก็มีงานที่กรุงเทพฯ ด้วย ค่อนข้างเหนื่อยกับการเดินทาง คาดหวังถึงรายได้ ก็ไม่ได้คาดหวังมาก แต่ที่คาดหวังคืออยากให้คนเห็นพัฒนาการของเรามากกว่า ว่าสิ่งเหล่านี้ผมก็ทำได้เหมือนกัน
คำอุทานที่ติดก็เป็นคำว่า “อ้าว” ซึ่ง “มะปราง” ก็ชมว่าเราทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ คือหลายๆ คนยังไม่เชื่อ บางคนก็ถามว่าใช่ “โอบ” เปล่าวะ อะไรแบบนี้ นั่นแหละคือการประสบความสำเร็จอีกอย่างหนึ่ง “แบงค์” เป็นคนพูดไม่ได้ แต่ฟังออก เลยไม่ได้ให้ช่วยสอน
วาเลนไทน์ที่ผ่านมาจริงๆ ผมถ่ายละครด้วย มีแค่ไปกินข้าวตอนเย็น ก็เป็นการฉลองครบรอบ 3 ปี กลัวอาถรรพ์ 3 ปี ก็กลัวนะ ไม่รู้สิ ถ้าชีวิตอยู่ดีมีความสุขกันดีก็น่าจะโอเค จริงๆ ไปฉลองที่ต่างประเทศไม่ขนาดนั้น เพราะผมไปรับปริญญาพี่สาวที่อังกฤษ เราเลยมีเวลาหยุด เราเลยไปรับปริญญาเขาด้วย และไปเที่ยวกับครอบครัวเรา เป็นการรวมญาติด้วย เพราะไม่ได้มีบ่อยที่คนในครอบครัวต้องไปรับปริญญาที่ต่างประเทศ เขาก็เอ็นดูนะเพราะผมก็จะมีหน้าที่แบกกระเป๋า แต่คราวนี้ผมต้องขอบคุณแม่แทน เขาก็แบกของเขาเอง ถามว่าเป็นพิเศษไหม ก็ไม่เท่าไรนะ เพราะวันๆ หนึ่งมันก็ผ่านไปแล้วกลับมาครบรอบ 1 วันแล้ว
คือเราไม่ได้มีของอะไรให้กัน ปีนี้มันเป็นปีที่แปลกอีกปี เพราะว่าเราได้มาอยู่ที่นี่ ทุกปีอยู่ที่กรุงเทพฯ ไง ปีต่อๆ ไปก็ต้องดูช่วงเวลาดีกว่าว่าเราทำอะไรถ้ามีโอกาส เขาทำงานเหมือนร้อนเงิน เขามีงานเยอะ มีละคร รายการ ร้องเพลง รายการใหม่อีก โน่นนี่นั่นอีก เขารับงานเหมือนร้อนเงินเหมือนกันนะ แต่ว่าก็ดีนะ มันเป็นช่องทางและโอกาสหลายๆ อย่างของเขา ก็มีเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเขานะ เพราะอาจจะมีเวลานอนน้อย ไม่มีไปรับไปส่งเพราะเรามีงานของตัวเอง เวลาไม่เป็นอุปสรรคของเราเพราะเราไม่เจอหน้ากันแต่ยังติดต่อสื่อสารกันได้